ลำดับตอนที่ #171
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #171 : จะใช้เทคโนโลยีอะไรกำจัดคราบน้ำมัน ?
มีเทคโนโลยีมากมายที่ผลิตออกมาเพื่อรับมือกับคราบน้ำมันจากการรั่วไหล สำหรับเมืองไทยมักเห็นการฉีดพ่นสารเคมีสลายคราบน้ำมัน ที่ทำให้น้ำมันแตกตัวและจมลงสู่ใต้ทะเล แต่ยังมีเทคโนโลยีอีกมากมายที่ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมนี้ ย้อนกลับไปดูรายงานของรอยเตอร์ที่นำเสนอนวัตกรรมเพื่อกำจัดคราบน้ำมันจากอุบัติเหตุแท่นขุดเจาะในอ่าวเม็กซิโกของ บริษัทบริติชปิโตรเลียม หรือบีพี (BP) ระเบิดเมื่อปี 2010 ซึ่งทำให้มีปริมาณน้ำมันมหาศาลรั่วไหล มีตัวอย่างนวัตกรรมที่น่าสนใจจากมหาวิทยาลัยเพนน์ซิลวาเนียสเตท (Pennsylvania State University) สหรัฐฯ ซึ่งนักวิจัยได้พัฒนาวัสดุในการดูดซับน้ำมันได้ถึง 40 เท่าของน้ำหนักวัสดุ |
||||
อีกตัวอย่างที่น่าสนใจจากรายงานของรอยเตอร์คือเทคโนโลยีของ แดเนียล ฮาชิม (Daniel Hashim) และคณะจากมหาวิทยาลัยไรซ์ (Rice University) ในฮุสตัน สหรัฐฯ ที่เปลี่ยนแผ่นคาร์บอนนาโนทิวบ์หนาเพียงอะตอมเดียวให้อยู่ในรูปทรงกระบอก และกลายเป็นฟองน้ำที่สามารถนำมาบีบเอาน้ำมันหรือเผาทิ้งได้ ฟองน้ำดังกล่าวมีคุณสมบัติทนไฟจึงนำกลับมาใช้ใหม่ได้ อีกทั้งทนความเย็นในระดับที่นำไปแก้ปัญหาการรั่วของน้ำมันแถบขั้วโลกได้ แต่ต้องพัฒนาระบบที่สามารถนำส่งวัสดุชนิดนี้ไปยังบริเวณที่มีคราบน้ำมันรั่ว รวมทั้งต้องขยายกำลังผลิตให้ได้มากๆ |
||||
อย่างไรก็ดี ยังมีเทคโนโลยีอันก้าวหน้าที่มาเธอร์เนเจอร์เน็ตเวิร์กได้นำเสนออีกหลายเทคโนโลยี เช่น ฟองน้ำจากตะกอนโคลนที่มีน้ำหนักเบา ของทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัยเคสเวสเทิร์นรีเซิร์ฟ (Case Western Reserve University) สหรัฐฯ ที่แยกน้ำมันจากน้ำแล้วนำไปรีไซเคิลเอาน้ำมันออกมาได้ นักวิจัยเรียกวัสดุดังกล่าวเป็น “แอโรเจล” (aerogel) ที่เป็นส่วนผสมของผงตะกอนโคลนที่ถูกทำให้แห้งเย็น ผสมรวมกับพอลิเมอร์และอากาศ สามารถนำไปใช้ได้ทั้งในน้ำจืด น้ำเค็ม และพื้นผิวใดๆ ที่มีการปนเปื้อนของน้ำมัน แต่นักวิจัยยังต้องทำการทดสอบอีกมากก่อนนำไปใช้งานจริง การใช้ทุ่นและตักน้ำมันก็เป็นอีกวิธีที่ได้รับความนิยม แต่วิธีดังกล่าวไม่ได้สามารถใช้ในทะเลที่มีคลื่นลมแรง และยังขาดประสิทธิภาพเมื่อใช้งานตอนกลางคืนที่มีทัศนวิสัยต่ำ แต่มาเธอร์เนเจอร์เน็ตเวิร์กระบุว่า ทางบริษัท เอ็กตรีมสปิลเทคโนโลยี (Extreme Spill Technology: EST) ได้พัฒนาเรือตักน้ำมันที่บริษัทอ้างว่ารับมือกับปัญหาเหล่านี้ได้ |
||||
เรือตักน้ำมันทั่วไปไม่สามารถทำงานได้เมื่อคลื่นสูงกว่า 1.5 เมตร แต่เรือของ EST ทำงานได้แม้คลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ด้วยน้ำหนักเรือที่เบากว่าจึงเดินทางได้เร็วกว่าเรือตักน้ำมันทั่วไป และยังไม่ถูกน้ำมันอุดตันได้ง่ายๆ ซึ่งมีการทดสอบที่ประสบความสำเร็จโดยหน่วยเฝ้าระวังชายฝั่งของแคนาดา และทางบริษัทตั้งเป้าจำหน่ายเรือดังกล่าวไปทั่วโลก อีกเทคโนโลยีที่น่าสนใจคือเครื่องตักน้ำมันด้วยเทคโนโลยีรางของ บริษัท อีลาสเทค/อเมริกันมารีน (Elastec/American Marine) ที่ชนะการแข่งขันประกวดเทคโนโลยีกำจัดน้ำมันของมูลนิธิครอบครัวชมิดท์ (Schmidt Family Foundation) หลังแท่นขุดเจาะน้ำมันของบีพีระเบิด ซึ่งเทคโนโลยีดังกล่าวสามารถแยกน้ำจากน้ำมันได้แม้จะเผชิญคลื่นทะเล ในอัตราสูงสุด 2,500 แกลลอนต่อนาที ทางฟาก Phys.org เพิ่งจะรายงานการวิจัยของทีมนักวิทยาศาสตร์จากสถาบันสิ่งแวดล้อมและสุขภาพมนุษย์ (Institute of Environmental and Human Health) ในเท็กซัส สหรัฐฯ ที่นำโดย เสชาตรี รามกุมาร (Seshadri Ramkumar) และคณะที่พบว่าเส้นใยฝ้ายซึ่งยังไม่ผ่านกระบวนการสามารถดูดซับน้ำมันได้ถึง 30 ปอนด์ ต่อน้ำหนักฝ้าย 1 ปอนด์ นับเป็นอีกทางเลือกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและมีต้นทุนต่ำ โดยผลงานของพวกเขาได้ตีพิมพ์ลงวารสารอินดัสเทรียลแอนด์เอ็นจิเนียริงเคมิสทรีรีเสิร์ช (Industrial & Engineering Chemistry Research) นวัตกรรมและเทคโนโลยีเหล่านี้...เป็นส่วนหนึ่งของการเก็บกวาดความเสียหายจากการความต้องการใช้พลังงานฟอสซิลของเราเอง ที่มา http://www.manager.co.th/Science/ViewNews.aspx?NewsID=9560000093321 |
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น