ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    FIC BLEACH : It's only the fairy tale

    ลำดับตอนที่ #1 : บทเริ่มต้น * เหล่าผู้ต้องสาป

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.8K
      0
      1 พ.ค. 49

    พระอาทิตย์ยามเช้าสาดแสงยังพระราชวังหินอ่อน ที่กำลังวุ่นวายด้วยพระราชพิธีที่จัดขึ้นเพื่อการฉลองพระประสูติการของเจ้าชายน้อย ไม่นานทุกอย่างก็ถูกจัดเตรียมเรียบร้อยราวกับเนรมิต พระราชาอิจิโกะเดินยิ้มร่าตรวจตราทั่วบริเวณ โดยมีพระนางลูเคียอุ้มทารกน้อยอันเป็นบุตรสุดที่รักที่อุตส่าห์ลงมือผลิตแทบเป็นแทบตายไว้แนบอก ข้าราชบริภารต่างหยุดโค้งคำนับถอนสายบัวด้วยความเคารพยิ่ง

    และแล้วงานเลี้ยงยามราตรีก็มาถึง หลังจากที่ผ่านพระราชพิธียามกลางวันมาแล้ว เหล่านางฟ้าต่างมาประทานพรด้วยความยินดี และร่ายรำให้เป็นของขวัญ พรต่างๆยังความยินดีให้แก่ผู้เป็นพระบิดาและพระมารดา แต่แล้วสิ่งที่ไม่น่าจะเกิดก็เกิดขึ้น ไอควันสีดำพุ่งกระจายไปทั่ว ตามด้วยเสียงหัวเราะฮิฮิ ก่อนที่ร่างของแม่มดร้ายจะปรากฏขึ้นกลางควันนั้น เสื้อคลุมสีดำยาวกว่า 2 เมตรดูแล้วน่าแกล้งเหยียบให้ผู้สวมสะดุดล้มหัวฟาดยิ่งนัก เส้นผมสีน้ำตาลต่อยาวจนถึงเอว ดวงเนตรสีน้ำตาลดูใจดีถูกบังไว้ด้วยแว่นตาติดตัว เสียงทุ้มพยายามดัดให้ดูดีที่สุดยามยอบตัวลงทำความเคารพ

    ถวายบังคมเพคะ พระราชาอิจิโกะ พระนางลูเคีย

    ดวงเนตรสีน้ำตาลเริ่มแปรเปลี่ยน ความมืดในใจฉายชัด มีงานเลี้ยงทั้งที พระองค์ทรงเชิญเหล่านางฟ้ามาร่วมสังสรรค์ แต่ไยกลับเหมือนไม่ต้อนรับข้ากัน

    เหล่าทหารชักดาบของตนออกมา ยืนรายล้อมป้องกันเหล่าบุคคลสำคัญที่เป็นเหมือนหัวใจของเมืองเอาไว้ แม่มดร้ายแสยะยิ้มเหี้ยมทิ้งแววตาใจดีลงถังขยะแถวนั้นเรียบร้อย เล็บสีดำงอกยาวมาปลิดชีพเหล่าทหาร ก้าวเข้าไปหาพระนางลูเคียอย่างรวดเร็ว

    ข้าขอสาปให้เจ้าชายอุริวต้องสิ้นชีพเพราะโดนเข็มทิ่ม เมื่ออายุได้ 16 ชันษา....ฮิ ฮิๆๆๆ นี่คือพรจากข้า

    แม่มดร้ายนามไอเซ็นกรีดเสียงหัวเราะน่ารังเกียจ น่าขนลุกขนพอง ก่อนจะสะบัดผ้าคลุมพรึ่บแล้วหนีหายไป ข้าราชบริภารพากันแตกตื่นด้วยความตกใจ เว้นแต่พระราชาอิจิโกะและพระนางลูเคียเท่านั้นที่หวาดกลัวว่าจะต้องเสียทายาทเพียงคนเดียวไป พระนางลูเคียทรงคร่ำครวญหวนไห้ด้วยความเจ็บปวดรวดร้าว หากแต่นางฟ้าองค์หนึ่งก็ช่วยแก้สถานการณ์ไว้ได้

    อย่าทรงโศกเศร้าไปเลยพระนาง ข้ายังมิได้ประทานพรแก่เจ้าชายน้อยนี้ แม้พรของข้าจะมิอาจลบล้างคำสาปของนางแม่มดโฉดไอเซ็นนั้นได้ แต่ก็ยังพอที่จะช่วยบรรเทาได้บ้าง

    เมื่อเจ้าชายอายุได้ 16 ชันษา พระองค์ผู้ต้องคำสาปของแม่มดไอเซ็นมิได้สิ้นชีพ หากแต่หลับไปเท่านั้น และจะตื่นเมื่อมีผู้เหมาะสมมาจุมพิต

    งานเลี้ยงถูกยกเลิกไปโดยปริยาย พระราชาและพระนางพากันไปเก็บตัวอยู่แต่ในห้อง ฝ่ายแม่มดร้ายใจโฉดก็ยังเดินทางไปเมืองต่างๆเพื่อร่ายคำสาป ด้วยความสนุกสนานปานกำลังเล่นสวิงกิ้ง (เหอๆ)

    ครั้นเวลาก็ล่วงเลยมาจนถึง 16 ปี เจ้าชายองค์น้อยเติบใหญ่ขึ้นมาด้วยรูปโฉมที่งดงาม ดวงหน้าเรียวสวย สายตาคมกริบแฝงความอ่อนโยนไว้ภายใต้กรอบแว่น เนื่องด้วยสายตาไม่ค่อยจะงดงามตามใบหน้า เส้นผมสีดำตัดสั้น เจ้าชายใช้ชีวิตอย่างสนุกสนานภายใต้พระราชวังที่ไร้ซึ่งเข็มและด้าย ตามคำสั่งให้ทำลายของพระราชาอิจิโกะ ชีวิตในวัยรุ่นดำเนินไปได้ด้วยดีไม่มีสะดุด กิจวัตรประจำวันก็ไม่มีอะไรมาก แค่ตื่นเช้ามาแกล้งอ้อนท่านแม่ลูเคียที่สวยแต่เตี้ยให้ท่านพ่ออิจิโกะหัวส้มโมโห ต้องคว้าดาบเข้ามาไล่ฟัน ฝ่ายเจ้าชายถึงจะรูปงามก็ใช่ว่าจะไร้ฝีมือ เรื่องการธนูนั้นฉมังจนเลโกลัสแห่ง เดอะ ลอร์ด ออฟ เดอะ ริง ต้องยกนิ้วให้ และวันนี้ก็เช่นเคย ลูกธนูสีเงินปล่อยจากนิ้วเรียว พุ่งตรงไปหมายจะปักหัวส้มๆของผู้เป็นบิดาที่ยกดาบเล่มยักษ์ขึ้นมาบังได้ทันท่วงที ท่ามกลางสายตาเศร้าหมองของพระนางลูเคียที่ตระหนักดีว่าเหลือเวลาอีกไม่ถึง 10 ชั่วโมง ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนสายตาไม่ดีจะต้องนอนหลับไปตลอดไม่มีวันตื่น ฟื้นไม่มี หนีไม่พ้น จากพรของนางฟ้าที่ช่วยบรรเทาคำสาปของนางแม่มด

    ชิ.......ได้ซันเงสึช่วยไว้เหรอ

    เจ้าชายอุริวสบถอย่างขัดใจ ง้างธนูดอกต่อไป เล็งไปที่กลางลำตัวแต่ดูเหมือนพระราชาอิจิโกะจะไวกว่า เพราะเพียงพริบตาที่ลูกธนูถูกปล่อยออกมา ซันเงสึก็ผ่าออกเป็นสองท่อน ก่อนจะถูกเหวี่ยงออกไปตรงหน้าบุตรชายเพียงคนเดียว

    ยอมแพ้ซะ อุริว

    พระราชาอิจิโกะประกาศลั่น ทว่าเจ้าชายน้อยก็ไม่มีทีท่าว่าจะยอมเลยแม้แต่น้อย กลับง้างธนูขึ้นอีกรอบจนพระนางลูเคียต้องเข้ามาห้าม

    พอเถอะอุริว.....มาทานของว่างกันดีกว่า

    ก็ได้.... หันไปทางอิจิโกะ ฝากไว้ก่อนเถอะท่านพ่อ คราวหน้าจะเอาให้ทะลุหัวเลย

    พระราชาอิจิโกะก็ได้แต่ยืนนิ่ง.....นี่หรือคือลูกที่อุตส่าห์เลี้ยงมาเสียดิบดี....ก่อนที่แววตาจะหม่นลงด้วยคำนึงได้ถึงความจริงบางข้อ พึมพำออกมาคนเดียว

    ไม่มีคราวหน้าแล้วหละ อุริว

    หลังจากทานอาหารว่าง เจ้าชายอุริวผู้แสนรอบรู้ทางด้านการเย็บปักถักร้อยก็ขอตัวขึ้นไปยังหอสูงที่ตั้งอยู่ใจกลางของพระราชวัง โดยที่พระราชาอิจิโกะและพระนางลูเคียห้ามไม่ทัน เท้ายาวๆพาก้าวขึ้นไปตามขั้นบันไดวนที่น่าเอาระเบิดมาระเบิดทิ้งยิ่งนัก.....อะไรมันจะยาวนักยามหนา กะจะให้ขึ้นทีขาหลุดเป็นชิ้นๆเลยหรือไง......บ่นในใจไปงั้นแหละ แต่ก็ยังวิ่งขึ้นไปอยู่ดี มือเรียวแตะประตูไม้ผุๆเบาๆ บานประตูนั้นก็พังครืนลงมา เผยให้เห็นภายในตัวห้องที่เต็มไปด้วยใยแมงมุมและฝุ่น ก่อนจะเดินไปยืนตรงริมหน้าต่าง หยิบผ้าขึ้นมาปัดฝุ่นเบาๆก่อนจะออกแรงเช็ดสุดกำลังด้วยความหนาของฝุ่นที่มากกว่า 2 นิ้ว แล้วจึงลงนั่งที่ขอบหน้าต่างอย่างไม่กลัวตก สายตามองไปยังหลอดด้ายสีขาวที่ขาวจริงๆทั้งที่ของในห้องเต็มไปด้วยฝุ่น และเข็มเล่มน้อยที่ปักอยู่กับหมอนปักหมุด ด้วยเชื้อของความรักการตัดเย็บ เจ้าชายอุริวเอื้อมมือไปหยิบเข็มกับด้ายขึ้นมา จ้องอยู่ซักพักก่อนจะร้อยด้ายลงไป  แต่ด้วยความที่ตื่นเต้นกับเข็มเล่มน้อยที่หาได้ยากยิ่งกว่านางฟ้ามือเลยสั่น พาลเอาเข็มหลุดจากมือ และด้วยความที่ตกใจปนเร่งร้อน เจ้าชายน้อยเลยรีบคว้าเข็มกลับมาทำให้ปลายอันแหลมคมทิ่มจึ้กเข้าที่ปลายนิ้ว เจ้าชายอุริวรีบยกนิ้วเปื้อนเลือดขึ้นมาเลียทำความสะอาดทันที แต่ดูเหมือนว่าสติสัมปชัญญะจะสิ้นสุดอยู่เพียงเท่านั้น เมื่อดวงเนตรทั้งสองเริ่มปิดลง พร้อมกับร่างที่เอนสู่พื้นเบื้องล่าง

     

    ตุ้บ

     

    ร่างของเจ้าชายอุริวหล่นตุ้บลงที่แท่นหินที่ถูกปูด้วยฟูกนุ่มนิ่ม รองด้วยผ้าไหมทับด้วยผ้าแพรสีแดงสด พระราชาอิจิโกะเดินมาดูตรงแท่นที่เตรียมไว้ก็พบกับบุตรชายเพียงคนเดียวที่นอนหลับใหลอยู่ ก่อนที่ละอองสีเขียวอ่อนจะโปรยลงมาจากท้องฟ้า และเหล่านางฟ้าที่ร่ายมนตรา

    หลับเสียเถิด และเมื่อถึงวันนั้น  พวกท่านจะตื่นขึ้นมาอีกครั้งเพื่องานเลี้ยงแห่งความปิติ

     

                                    +*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*

    2000 ปี ผ่านไป

     

    เร็นจิ เจ้าอย่ากินแรงเพื่อนได้มั๊ย

    ชายหนุ่มผมดำที่ควบม้าสีดำบ่นกระปอดกระแปดอยู่คนเดียว บนหัวม้ามีกบตัวสีเขียวที่มีตาสีแดงและรอยดำๆพาดผ่านเหมือนรอยสัก เจ้ากบหันมาอ้าปากพูด

    แล้วเจ้าจะให้ข้าควบม้ารึไง.....ตอนนี้ข้าเป็นกบอยู่นะ

    เออ.....โทษที.....ว่าแต่มันถึงเมืองไหนกันแล้วเนี่ย ดูดิ๊ ทำไมเจ้าชายอย่างข้าต้องพาเพื่อนที่เป็นกบอย่างเจ้าออกเดินทางด้วย

    ยังบ่นต่อไป ก่อนกระโดดลงจากหลังม้า ใช้ดาบของตนฟันเถาไม้ให้หายไปเป็นแถบ ก่อนจะควบม้าเหยาะๆไปข้างหน้า เจ้ากบน้อยเร็นจิทำหน้าบูดเท่าที่หน้าแบบกบๆจะทำได้ เสียงที่ลอดมาแสดงความหงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัด

    เจ้าคิดว่าข้าอยากเป็นกบนักรึไง......คอยดูเถอะนังแม่มดไอเซ็น กลับเป็นคนได้เมื่อไหร่จะฟันให้เดี้ยงเลย

    ส่งแรงอาฆาตผ่านตาแดงๆที่โปนออกมาตามแบบฉบับกบ ชูเฮย์ส่ายหน้าอย่างระอา.....แล้วจะหาแม่มดไอเซ็นนั่นเจอไงล่ะเนี่ย ออกเดินทางมาก็ 2 ปีแล้วนะ......คิดอย่างปลงตกก่อนจะเหลือบไปเห็นพระราชวังหินอ่อนที่ทรุดโทรมอยู่ภายใต้ร่มดงหนามของกุหลาบกินคน ชูเฮย์กระโดดลงจากหลังม้า จับเพื่อนกบของตัวเองวางไว้บนไหล่ กำชับเสียดิบดีด้วยรอยยิ้ม

    ช่วยระวังหลังให้หน่อยนะ

    ว้ากกกกกกก!!! เจ้าจะทำอะไรของเจ้า !!!!”

    กบน้อยเร็นจิร้องอย่างตกใจ เมื่อชูเฮย์ชักดาบวิ่งโล่เข้าไปในดงกุหลาบกินคน  แต่ความตกใจก็หมดลงเมื่อเห็นว่ากุหลาบมันก็แค่สิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่งเท่านั้น ถากถางแป๊บเดียวเดี๋ยวก็เสร็จแล้ว ที่ให้ระวังหลังน่ะ คงไม่มีอะไรร้อก.....คิดแล้วเจ้ากบก็เริ่มหาว ตาแดงๆเหลือบไปยังท้องฟ้า แล้วความตกใจที่อุตส่าห์หมดไปก็กลับมาอีก เมื่อมังกร 5 หัวกำลังโฉบเข้ามาใกล้ กบน้อยเร็นจิรีบตะโกนใส่หูชูเฮย์ที่กำลังถางป่า

    ดูข้างบนเร็ว!!!”

    เหอ ชูเฮย์มองตามก่อนจะเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ เจ้าก็ไล่ไปดิ

    ว่าแล้วก็จัดการเขวี้ยงเพื่อนกบนามเร็นจิขึ้นฟ้า แล้วหันไปจัดการกับกุหลาบกินคนต่อ เร็นจิอ้าปากหวอเป็นกบดักแมลง พอเห็นเจ้ามังกร 5 หัวกำลังจะพ่นไฟก็ถึงกับสะอึก ทำตาโปนก่อนจะอ้าปากกว้างกว่าเดิมเป็น 3 เท่า สูดลมหายใจเข้าลึกจนตัวพอง ก่อนจะปล่อยลูกไฟลูกยักษ์ออกใส่เจ้ามังกรนั้น

     

    ตูม

     

    การปะทะระหว่างลูกไฟยักษ์กับมังกร 5 หัว ผลปรากฏว่าเจ้ามังกรที่น่าสงสารที่โดนกบน้อยเร็นจิพ่นไฟใส่หัวกระเด็นหลุดไป 3 หัว เหลืออยู่ 2 หัวเท่านั้น ปีกก็พังไปข้างนึงจนตกลงพื้น กบน้อยเร็นจิกระหยิ่มยิ้มย่องในใจ ก่อนจะพ่นไฟออกมาอีกครั้ง คราวนี้ไม่เพียงทำลายร่างเจ้ามังกรได้ ยังเผากุหลาบกินคนไหม้เกรียมไปเป็นแถบแบบไม่มีวันฟื้น ชูเฮย์หยุดกึกหันมามองลูกไฟที่กำลังพุ่งมาที่ตนกกระโดดหลบวูบ ก่อนที่เจ้ากบน้อยเร็นจิจะตกแอ้กลงบนพื้น เพื่อนตัวดีเลยตามมาเก็บกบไว้บนไหล่ ก่อนจะวิ่งเข้าไปในส่วนพระราชวัง ชูเฮย์พูดทีเล่นทีจริงด้วยน้ำเสียงร่าเริง

    น่าจะพ่นไฟตั้งแต่แรกแล้วนะเนี่ย

    เออ! ข้าผิดใช่มั๊ย ว่าแต่......ที่นี่มันที่ไหน ทำไมมีแต่ของพิลึกทั้งนั้นเลยอ่ะ

    กบน้อยเร็นจิเอียงคอถาม ชูเฮย์ก็ตอบให้ ไม่รู้ดิ

    แล้วเจ้าเข้ามาทำไมเนี่ย เร็นจิถามต่อ

    ก็แค่อยากเข้าไปดูเท่านั้นแหละ

    ตอบแบบส่งๆ ก่อนจะหยุดอยู่หน้าแท่นบรรทมขนาดยักษ์ที่มีร่างหนึ่งหลับอยู่ มือหยาบเอื้อมจับเพื่อนกบบนไหล่โยนทิ้งลงพื้น ก่อนจะยอบตัวลงข้างแท่น พิศใบหน้างามๆนั้นตามแบบฉบับเจ้าชายเจ้าหญิงทั่วไป ก่อนจะบรรจงทาบริมฝีปากลงกับกลีบปากบาง สอดลิ้นเข้าไปกวาดความหวาน ฝ่ายเจ้าชายที่นอนหลับมานานถึง 2000 ปีก็รับรู้ถึงความอบอุ่น เปลือกตาบางจึงเปิดขึ้นมอง ก็พบกับบุรุษหัวดำที่กำลังจูบตนอยู่ เลยบรรจงแนบฝ่าเท้าเข้าที่ท้องของเจ้าของจูบ ชูเฮย์กระเด็นกลิ้งขลุกๆไปกองอยู่ข้างเร็นจิ ท่ามกลางเสียงหัวเราะขำขันของเพื่อนกบที่ถูกโยนทิ้งก่อนหน้า ชายหนุ่มลุกขึ้นมามองร่างเพรียวที่พอตื่นได้ก็ถีบด้วยอาการงุนงง

    เจ้าเป็นใคร

    คนเพิ่งตื่นตะโกนถาม หันไปรอบๆแท่นก็พบธนูพร้อมศรของตนวางอยู่ เลยจัดการหยิบขึ้นมาเล็งหาเป้าหมายทันที ฝ่ายคนถูกประทุษร้ายรีบยกมือห้าม แนะนำตัวทันที

    ข้าชื่อชูเฮย์ เป็นเจ้าชาย

    แล้วเจ้ามาที่นี่ทำไม

    ข้ามาตามหาแม่มดไอเซ็นน่ะ.....นางสาปเพื่อนข้าให้กลายเป็นกบ

    ชูเฮย์ตอบ หยิบเร็นจิขึ้นเขวี้ยงไปให้เจ้าชายน้อยได้ยลโฉม นัยน์ตาสีดำจับจ้องเจ้ากบน้อยตัวเขียวลายประหลาด ก่อนจะเห็นละอองบางอย่างโปรยลงมาจากท้องฟ้า ทุกสรรพสิ่งที่ถูกละออกสีฟ้าสดกลับคืนสูสภาพเดิม พระราชวังหินอ่อนที่เคยทรุดโทรมกลับสง่างามอีกครั้ง ทุกชีวีตื่นจากการหลับใหล ชูเฮย์ใช้เวลาตื่นตากับสิ่งเหล่านั้นไม่นานก็นึกได้ว่ายังไม่รู้ชื่ออีกฝ่าย

    แล้วเจ้าเป็นใคร

    อุริว เจ้าชายของเมืองนี้

    อธิบายตามมารยาทที่ถูกสั่งสอนมาอย่างดี ก่อนจะหันไปเห็นสองบุคคลที่เดินเข้ามา ใบหน้านั้นมิได้เปลี่ยนไปจากก่อนแม้แต่น้อย

    ท่านพ่อ ท่านแม่

    ลูกธนูสีเงินถูกส่งไปยังคนที่เรียกว่าท่านพ่อ ซึ่งก็อย่างเคย พระราชาอิจิโกะยกซันเงสึขึ้นมาปัดไว้ได้ ส่วนพระนางลูเคียก็ยิ้มอย่างปิติ

    อุริว เจ้าพ้นคำสาปแล้วใช่มั๊ย

    ขอรับ ท่านแม่

    ทุกคนจงฟัง ในค่ำคืนนี้จนถึงค่ำคืนในอีก 1 สัปดาห์ให้หลัง จะเป็นค่ำคืนแห่งการเลี้ยงฉลอง

    พระราชาอิจิโกะประกาศก้อง ให้เหล่าข้าราชบริภารเฮเสียงดัง คนที่ไม่รู้เรื่องอะไรด้วยนั่งเอ๋ออยู่ จนเมื่ออิจิโกะหันมาเห็นว่ามีตัวตนนั่นแหละ ถึงได้เอ่ยถาม

    เอ่อ.....ไม่ทราบว่านี่มันเรื่องอะไรกัน.....แล้วพวกท่านเป็นใคร

    พระราชาอิจิโกะหันมายิ้มให้กำลังจะตอบ แต่โดนพระนางสุดที่รักตัดหน้าเสียก่อน พระนางลูเคียที่สวยไม่สร่างส่งยิ้มให้อย่างอ่อนโยน จนเจ้ากบน้อยเร็นจิเกิดอาการเคลิ้มชั่วขณะ ก่อนจะเอ่ยออกมาเสียงหวาน

    ท่านคือผู้ที่แก้คำสาปของแม่มดไอเซ็นสินะ ข้าและพระราชาอิจิโกะยินดีต้อนรับท่านสู่เมืองของเรา ท่านผู้กล้า.......และเรายินดียกบุตรของเราให้ถ้าท่านต้องการ.....ท่าน ? ....

    เอ่อ....ชูเฮย์ขอรับ

    ชูเฮย์ตอบกลับ พยายามเรียบเรียงเรื่องราวทั้งหมด แต่ดูเหมือนสมองจะไม่ทำงาน เพราะใจมันจดจ่ออยู่กับคำว่ายินดียกบุตรให้เท่านั้น.......เร็นจิที่เห็นท่าว่าเพื่อนตัวเองคงถูกตาต้องใจเจ้าชายอุริวนั้นเสียแล้วรีบกระโดดขึ้นมาบนหัวชูเฮย์ แล้วพูดทันที

    ข้าคือเร็นจิ เป็นเพื่อนกับเจ้านี่.....แล้วตอนนี้เราก็กำลังตามหานังแม่มดไอเซ็น ถ้าพวกท่านทราบเรื่องใดกรุณาบอกเราด้วย

    สิ้นคำ พระนางลูเคียมองมาอย่างตกใจ ก่อนจะจับขาเจ้ากบน้อยขึ้นมา เดินไปหาพระราชาอิจิโกะ ชูกบขึ้นตรงหน้า เอ่ยด้วยรอยยิ้มสดใส

    ข้าอยากกินผัดกระเพากบ

    หวา!! ชูเฮย์ ช่วยด้วย !!!”

    เร็นจิร้องลั่น พยายามดิ้นให้หลุด แต่ดูเหมือนว่าพลังนิ้วของพระนางลูเคียนั้นมีมากกว่าที่ตาเห็น ชูเฮย์จึงได้สติ รีบคว้าเจ้ากบเพื่อนยากกลับคืนก่อนที่จะกลายเป็นอาหารมื้อค่ำไป อิจิโกะหันมายิ้มให้ ก่อนจะเดินนำข้าราชบริภาร ลูกชายหัวแก้วหัวแหวน และว่าที่ลูกเขยเข้าไปในพระราชวัง

     

                            +*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+

     

    บัตรเชิญ?

    ใช่จ้ะ....ทางเมืองนั้นส่งบัตรเชิญมา รู้สึกว่าเนื่องในโอกาสที่พ้นคำสาปของแม่มดร้าย ......แม่ก็เลยอยากให้เจ้าไป ได้ไหม เบียคุยะ

    ขอรับ

    ชายหนุ่มผมดำรับคำสงบนิ่ง ก่อนจะรับบัตรเชิญนั้นไป ออกเดินทางไปยังที่มาของบัตรเชิญ ดวงเนตรสีเข้มไม่ปรากฏอารมณ์ใดๆ ขึ้นควบอาชาไนยสีขาวบริสุทธิ์

    ยามค่ำคืนมาเยือน พระจันทร์กลมโตฉายชัดบนท้องนภา น้ำในทะเลสาบเปล่งประกายแพรวพราวให้ผู้เดินทางผ่านต้องหยุดมอง เบียคุยะนั่งนิ่งอยู่บนหลังม้า เฝ้ามองเหล่าหงส์ขาวผู้งามสง่าด้วยแววตาสุขใจ ก่อนที่ดวงเนตรสีเข้มจะเบิกขึ้นเล็กน้อย เมื่อร่างของหงส์ตัวหนึ่งเปล่งประกายสีทอง ส่วนที่เป็นปีกยื่นออกมาเป็นมือของมนุษย์ เช่นเดียวกับลำตัวและใบหน้า เส้นผมสีทองต้องแสงจันทร์งดงาม เช่นเดียวกับดวงหน้าที่หวานเกินบุรุษ กายขาวไร้อาภรณ์ปกปิด ดวงเนตรสีเขียวมองสบกับดวงเนตรสีเข้มที่เบิกกว้างขึ้นเรื่อยๆ เสียงหวานดังลอดจากผู้ที่กลายร่างจากหงส์

     ท่านเป็นใครกัน เข้ามาที่นี่ได้อย่างไร

    คนถูกถามไม่ตอบ กระโดดลงจากหลังม้าด้วยท่าทางคล่องแคล่ว ถอดเสื้อคลุมตนออกแล้วนำไปสวมให้ร่างบอบบางกลางทะเลสาบ พาเดินให้ขึ้นมาบนฝั่งอย่างนุ่มนวล เอ่ยแนะนำตัวด้วยสีหน้าราบเรียบ

    เบียคุยะ เป็นเจ้าชาย สายตาว่างเปล่าส่งไปยังร่างบางที่กำชายเสื้อคลุม เจ้าเป็นใคร

    ข้า.....เอ่อ........อิซึรุ เจ้าชายเช่นกัน

    เจ้าชาย?

    เบียคุยะเอ่ยถาม แม้สีหน้ายังเรียบเฉย แต่น้ำเสียงกลับแสดงความแปลกใจ ร่างบางพยักหน้ารับ ก้มหน้านิ่งซ่อนดวงเนตรสีมรกตที่แสนเศร้าสร้อย เสียงหวานเอื้อนเอ่ยแถลงข้อข้องใจ

    ข้าเป็นเจ้าชาย แต่ถูกแม่มดไอเซ็นสาปเพียงเพราะไม่ยอมตกเป็นของนาง ท่านคิดดูเถิด ดวงหน้าหวานแหงนเงยขึ้นมอง คิ้วเรียวขมวดมุ่นยามเอ่ยความในใจ ข้าเป็นบุรุษนะท่าน ทั้งยังเป็นเจ้าชาย แต่นางกลับต้องการให้ข้ามาเป็นนายบำเรอ และเมื่อข้าไม่ยอม นางก็สาปให้ข้ากลายเป็นหงส์ เมื่อต้องแสงจันทร์ข้าจึงจะกลับเป็นดังเดิมได้ และทุกคืนวันเพ็ญ นางจะมาหาข้า มารับคำตอบจากข้า

    งั้นเจ้าจะไปกับข้าไหม

    เบียคุยะถามหากแต่ไม่รอคำตอบ มือขาวคว้าข้อมือบางพาขึ้นม้า ก่อนจะควบตะบึงไปด้วยความเร็วสูง ไปยังเป้าหมายของการเดินทางครั้งนี้ ร่างบางที่งุนงงด้วยสมองยังไม่สามารถทำความเข้าใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นได้ก็ได้แต่นั่งนิ่ง ปล่อยให้ร่างที่นั่งอยู่ด้านหลังควบม้าไป

     

    TBC

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×