เส้นที่กั้นกลาง2 - เส้นที่กั้นกลาง2 นิยาย เส้นที่กั้นกลาง2 : Dek-D.com - Writer

    เส้นที่กั้นกลาง2

    เส้นบาง ๆ บนเส้นทางครอบครัว ต้องตัดออกไป

    ผู้เข้าชมรวม

    193

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    0

    ผู้เข้าชมรวม


    193

    ความคิดเห็น


    1

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  13 ก.ค. 50 / 01:41 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    เป็นภาคจบของ เส้นที่กั้นกลาง http://my.dek-d.com/9pass/story/view.php?id=217026
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      ฉันมีชีวิตวัยเด็กที่ไม่ได้สบายนัก ต้องต่อสู้ดิ้นรนเพื่อที่จะได้เข้ามาเรียนในกรุงเทพ ฉันมุ่งมั่นและตั้งใจฝ่าฝันอุปสรรคต่าง ๆ แม้จะท้อบ้าง แต่ฉันก็ไม่เคยยอมถอดใจจนยอมแพ้ให้กับความยากลำบากอันใด จนในที่สุดฉันก็เรียนจบ ปวส. และทำงานในสิ่งที่ฉันไม่เคยคิดฝันเอาไว้ ถึงกระนั้นฉันก็รักในงานของฉันและพยายามทำงานให้ดีที่สุด ฉันแต่งงาน มีลูก และฉันก็ยังทำงานที่ฉันพอใจอยู่

      ฉันตื่นตี 5 เพื่อเตรียมอาหารเช้าให้ลูก และเตรียมตัวออกไปทำงาน สามีของฉันทำงานรับราชการ แน่นอนว่าเขาเป็นคนจริงจังและมือสะอาด ครอบครัวของเราจึงต้องช่วยกันทำงานเพื่ออย่างน้อยก็จะได้มีความสบายในอนาคต

      ฉันจำไม่ได้ว่าฉันทำแบบนี้มากี่ปี ตื่นเช้าเตรียมอาหาร รีบขึ้นรถเมล์ไปทำงาน กลับมาทำกับข้าว ล้างจาน เสาร์อาทิตย์ก็ทำความสะอาดบ้าน ดูและเรื่องผ้าทั้งซักทั้งรีด ถึงจะมีลูกจ้างมาช่วยทำความสะอาดบ้านบ้าง แต่ยังไงก็ไม่สะอาดเหมือนฉันทำเอง
      ฉันทำงาน และทำงานบ้าน หน้าที่ดูแลลูก ๆ จึงเป็นของแม่ฉัน หรือลูกจ้างที่ฉันและสามีจ้างมาเพื่อดูแลลูกของเรา และนั่นอาจทำให้ครอบครัวเราไม่ได้สนิทสนมกันมากนัก

      วันนี้ครอบครัวของเรามั่นคง มีความเป็นอยู่ที่ค่อนข้างสบายทีเดียว ฉันไม่จำเป็นต้องตื่นตี 5 และรีบขึ้นรถเมล์ไปทำงานเหมือนเดิม ถึงกระนั้นฉันก็ยังคงต้องทำงานเพื่อเพิ่มรายได้ให้กับครอบครัว ดูแลเรื่องอาหารบ้าง และยังทำความสะอาดบ้าน ซักผ้ารีดผ้าอยู่เหมือนเดิม ฉันรู้สึกว่าอย่างไรฉันก็ต้องทำ แม้ฉันจะไม่ได้ชอบหรือพิศวาสการทำงานบ้านนักก็ตาม มันเป็นงานที่น่าเบื่อและน่าเหนื่อยหน่ายสำหรับฉันไม่น้อย แต่ฉันซึ่งเป็นแม่ก็ต้องเป็นคนรับหน้าที่นี้อยู่วันยันค่ำ แม้ว่าสามีและลูกฉันจะช่วยทำบ้าง แต่ใครหละจะทำได้ดีเหมือนคนเป็นแม่อย่างฉัน

      ยิ่งลูก ๆ ของฉันด้วยแล้ว ไม่ต้องพูดถึงถ้าฉันไม่สั่งก็แทบจะไม่มีใครทำอะไรเลย ฉันจึงมักไม่เข้าใจว่าเด็กสมัยนี้ทำงานบ้านกันไม่เป็นรึอย่างไร

      วันนี้ก็อีกวันของการทำงานบ้านที่น่าเหนื่อยหน่าย ผ้ากองโตที่อยู่นอกเครื่องซักผ้ายังไม่ได้ถูกซัก ผ้าที่ซักแล้วก็ต้องเอาไปตาก ทิ้งไว้นานมันจะอับ

      "
      เอก..เอาผ้าไปตามสิลูก" ฉันเรียกลูกชายคนโตของฉันที่นั่งอยู่ห่างไป 10 กว่าเมตร ให้มาช่วยเอาผ้าที่ซักแล้วออกไปตากให้เสร็จ ๆ ไปซะ

      แต่รู้สึกเหมือนเอกจะไม่ได้ยินที่ฉันเรียกเลยแม้แต่น้อย ทำไมถึงชอบเหม่อลอยนักนะ

      "
      เอก.." ฉันเรียกอีกที

      "
      เอก ได้ยินที่พูดมั้ย!!" ฉันจงใจเรียกให้ดังขึ้น

      เอกดูเหมือนจะไม่สนใจที่ฉันพูดแม้แต่น้อย มันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นประจำ และฉันก็ไม่อยากอดทนต่อความเฉยเมยที่ลูก ๆ ทำกับฉันเท่าไหร่นัก

      "
      แม่บอกให้เอาผ้าไปตากไง" ฉันพูดทบทวนอีกรอบ นี่มันรอบที่เท่าไหร่กันแล้ว หะ!?

      "
      อือ รู้แล้ว" เขาตอบ ทำไมถึงได้เฉื่อยชานักนะ เวลาทำงานบ้านเนี่ย

      เอกตอบแล้วแต่ก็ยังนั่งนิ่งอีกสักพัก มันอาจไม่นานนักหรอก แต่ฉันจะทนกับความไม่กระตือรือร้นของลูกฉันได้ยังไง

      "
      รู้แล้วก็รีบเอาไปตากซะสิ" ฉันเริ่มหมดความอดทนจริง ๆ แล้ว

      รู้สึกว่าเขาจะค่อย ๆ เดินเอาตะกร้าผ้าออกไปตากอย่างไม่มีแรง ฉันยังมองตามหลังเขาไปจนลับสายตา พรางคิดเปรียบเทียบกับตัวฉันเองเมื่อยังเป็นเด็ก อายุน้อยกว่าเอกลูกขายคนโตของฉันด้วยซ้ำ ฉันทั้งหุงข้าวด้วยเตาถ่าน ต้องไปตักน้ำใส่ตุ่มไว้ใช้ ต้องซักผ้าด้วยมือให้คนทั้งบ้าน ต้องเดินเท้าไปเรียนในอำเภอไกลลิบ มันลำบากกว่าที่ลูก ๆ ฉันเป็นอยู่กี่พันเท่ากันนะ
      "
      ไม่ไหวเลย เด็กสมัยนี้" ฉันบ่นอุบอิบกันตัวเอง แต่ก็ช่างเถอะ ฉันเลิกคิดและเอาผ้าที่แยกสีไว้ยัดใส่เครื่องซักผ้า

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×