เส้นที่กั้นกลาง2
เส้นบาง ๆ บนเส้นทางครอบครัว ต้องตัดออกไป
ผู้เข้าชมรวม
193
ผู้เข้าชมเดือนนี้
0
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ฉันมีชีวิตวัยเด็กที่ไม่ได้สบายนัก ต้องต่อสู้ดิ้นรนเพื่อที่จะได้เข้ามาเรียนในกรุงเทพ ฉันมุ่งมั่นและตั้งใจฝ่าฝันอุปสรรคต่าง ๆ แม้จะท้อบ้าง แต่ฉันก็ไม่เคยยอมถอดใจจนยอมแพ้ให้กับความยากลำบากอันใด จนในที่สุดฉันก็เรียนจบ ปวส. และทำงานในสิ่งที่ฉันไม่เคยคิดฝันเอาไว้ ถึงกระนั้นฉันก็รักในงานของฉันและพยายามทำงานให้ดีที่สุด ฉันแต่งงาน มีลูก และฉันก็ยังทำงานที่ฉันพอใจอยู่
ฉันตื่นตี 5 เพื่อเตรียมอาหารเช้าให้ลูก และเตรียมตัวออกไปทำงาน สามีของฉันทำงานรับราชการ แน่นอนว่าเขาเป็นคนจริงจังและมือสะอาด ครอบครัวของเราจึงต้องช่วยกันทำงานเพื่ออย่างน้อยก็จะได้มีความสบายในอนาคต
ฉันจำไม่ได้ว่าฉันทำแบบนี้มากี่ปี ตื่นเช้าเตรียมอาหาร รีบขึ้นรถเมล์ไปทำงาน กลับมาทำกับข้าว ล้างจาน เสาร์อาทิตย์ก็ทำความสะอาดบ้าน ดูและเรื่องผ้าทั้งซักทั้งรีด ถึงจะมีลูกจ้างมาช่วยทำความสะอาดบ้านบ้าง แต่ยังไงก็ไม่สะอาดเหมือนฉันทำเอง
ฉันทำงาน และทำงานบ้าน หน้าที่ดูแลลูก ๆ จึงเป็นของแม่ฉัน หรือลูกจ้างที่ฉันและสามีจ้างมาเพื่อดูแลลูกของเรา และนั่นอาจทำให้ครอบครัวเราไม่ได้สนิทสนมกันมากนัก
วันนี้ครอบครัวของเรามั่นคง มีความเป็นอยู่ที่ค่อนข้างสบายทีเดียว ฉันไม่จำเป็นต้องตื่นตี 5 และรีบขึ้นรถเมล์ไปทำงานเหมือนเดิม ถึงกระนั้นฉันก็ยังคงต้องทำงานเพื่อเพิ่มรายได้ให้กับครอบครัว ดูแลเรื่องอาหารบ้าง และยังทำความสะอาดบ้าน ซักผ้ารีดผ้าอยู่เหมือนเดิม ฉันรู้สึกว่าอย่างไรฉันก็ต้องทำ แม้ฉันจะไม่ได้ชอบหรือพิศวาสการทำงานบ้านนักก็ตาม มันเป็นงานที่น่าเบื่อและน่าเหนื่อยหน่ายสำหรับฉันไม่น้อย แต่ฉันซึ่งเป็นแม่ก็ต้องเป็นคนรับหน้าที่นี้อยู่วันยันค่ำ แม้ว่าสามีและลูกฉันจะช่วยทำบ้าง แต่ใครหละจะทำได้ดีเหมือนคนเป็นแม่อย่างฉัน
ยิ่งลูก ๆ ของฉันด้วยแล้ว ไม่ต้องพูดถึงถ้าฉันไม่สั่งก็แทบจะไม่มีใครทำอะไรเลย ฉันจึงมักไม่เข้าใจว่าเด็กสมัยนี้ทำงานบ้านกันไม่เป็นรึอย่างไร
วันนี้ก็อีกวันของการทำงานบ้านที่น่าเหนื่อยหน่าย ผ้ากองโตที่อยู่นอกเครื่องซักผ้ายังไม่ได้ถูกซัก ผ้าที่ซักแล้วก็ต้องเอาไปตาก ทิ้งไว้นานมันจะอับ
"เอก..เอาผ้าไปตามสิลูก" ฉันเรียกลูกชายคนโตของฉันที่นั่งอยู่ห่างไป 10 กว่าเมตร ให้มาช่วยเอาผ้าที่ซักแล้วออกไปตากให้เสร็จ ๆ ไปซะ
แต่รู้สึกเหมือนเอกจะไม่ได้ยินที่ฉันเรียกเลยแม้แต่น้อย ทำไมถึงชอบเหม่อลอยนักนะ
"เอก.." ฉันเรียกอีกที
"เอก ได้ยินที่พูดมั้ย!!" ฉันจงใจเรียกให้ดังขึ้น
เอกดูเหมือนจะไม่สนใจที่ฉันพูดแม้แต่น้อย มันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นประจำ และฉันก็ไม่อยากอดทนต่อความเฉยเมยที่ลูก ๆ ทำกับฉันเท่าไหร่นัก
"แม่บอกให้เอาผ้าไปตากไง" ฉันพูดทบทวนอีกรอบ นี่มันรอบที่เท่าไหร่กันแล้ว หะ!?
"อือ รู้แล้ว" เขาตอบ ทำไมถึงได้เฉื่อยชานักนะ เวลาทำงานบ้านเนี่ย
เอกตอบแล้วแต่ก็ยังนั่งนิ่งอีกสักพัก มันอาจไม่นานนักหรอก แต่ฉันจะทนกับความไม่กระตือรือร้นของลูกฉันได้ยังไง
"รู้แล้วก็รีบเอาไปตากซะสิ" ฉันเริ่มหมดความอดทนจริง ๆ แล้ว
รู้สึกว่าเขาจะค่อย ๆ เดินเอาตะกร้าผ้าออกไปตากอย่างไม่มีแรง ฉันยังมองตามหลังเขาไปจนลับสายตา พรางคิดเปรียบเทียบกับตัวฉันเองเมื่อยังเป็นเด็ก อายุน้อยกว่าเอกลูกขายคนโตของฉันด้วยซ้ำ ฉันทั้งหุงข้าวด้วยเตาถ่าน ต้องไปตักน้ำใส่ตุ่มไว้ใช้ ต้องซักผ้าด้วยมือให้คนทั้งบ้าน ต้องเดินเท้าไปเรียนในอำเภอไกลลิบ มันลำบากกว่าที่ลูก ๆ ฉันเป็นอยู่กี่พันเท่ากันนะ
"ไม่ไหวเลย เด็กสมัยนี้" ฉันบ่นอุบอิบกันตัวเอง แต่ก็ช่างเถอะ ฉันเลิกคิดและเอาผ้าที่แยกสีไว้ยัดใส่เครื่องซักผ้า
ผลงานอื่นๆ ของ หินกะซาย ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ หินกะซาย
ความคิดเห็น