ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    แรงรัก สัมผัสใจ

    ลำดับตอนที่ #1 : จิตสัมผัส

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 86
      1
      6 มี.ค. 57

     

    ตอนที่1 จิตสัมผัส

     






    “โอ๊ย!! นี่มันการสอบในรั้วมหาลัยครั้งสุดท้ายของฉันนะ ทำไมรถมันติดจังล่ะ ไปไม่ทันแน่ๆเลย”

    ร่างบางมองดูนาฬิกาที่ข้อมือที่บอกเวลาว่าอีกไม่ถึง15นาทีจะเป็นเวลาเข้าห้องสอบ แต่ตอนนี้เธอยังอยู่บนรถเมล์อยู่เลย บรรยากาศในช่วงเช้าๆแบบนี้เต้มไปด้วยผู้คนที่ต้องเดินทางไปที่จุดหมายของตนเช้าวันจันทร์แบบนี้รถมักจะติดบนท้องถนนเป็นประจำ


    “ไม่ทันแน่”

    คำนวณเวลาในการเดินทางเบ็ดเสร็จแล้วเธอก็ได้ข้อสรุปออกมาแล้วว่าถ้ายังอยู่บนรถเมล์ต่อไปมีหวังเธอเรียนไม่จบภายในปีการศึกษานี้แน่ๆ เมื่อคิดได้ดังนั้นร่างบางที่สวมกระโปรงพีชคลุมเข่าเสื้อนิสิตพอดีตัวก็วิ่งลงจากรถเมล์ทันที่ ที่รถเมล์จอดรับผู้โดยสารที่ป้าย
    เธอวิ่งไปหาวินมอร์เตอร์ไซค์ทันที


    “พี่คะ ไปมหาลัยนี้ด่วนเลยค่ะ ให้เร็วที่สุดนะคะ”
    เธอบอกชื่อสถาบันของเธอออกไปแล้วก็รีบขึ้นไปนั่งค่อมซ้อนท้ายคนขับทันที



    ไม่นานเธอก็มาถึงมหาลัยโดยสวัสดิภาพ แต่อะไรก็ไม่เหนื่อยเท่าการวิ่งขึ้นตึกชั้นที่4  โดยปกติแล้วถ้ามาเรียนตึกนี้เธอจะใช้บริการลิฟล์แต่วันนี้ดันติดป้ายว่าลิฟล์เสีย


    “เอ่อ ขออนุญาตค่ะ” เธอเปิดประตูห้องสอบเข้าไปพร้อมกับขออนุญาตอาจารย์ที่คุมสอบ ในขณะที่เพื่อนกำลังเริ่มทันข้อสอบ


    “กานต์รวี เธอมาสาย” อาจารย์ที่เดินเอาข้อสอบมาให้เธอยังโต๊ะที่เธอนั่ง เอ็ดเธอเบาๆ


    “ขอโทษค่ะอาจารย์”


    กานต์รวี รัณญากร นักศึกษาคณะสังคมศาสตร์ สาขาวิชาจิตวิทยา  นี่เป็นการสอบในรั้วมหาลัยครั้งสุดท้ายของเธอหลังจากเทอมนี้ไปก็เข้าสู่ช่วงฝึกงานของเธอ แล้วหลังจากนั้นเธฮก็จะเรียนจบ

    กานต์รวีที่เพิ่งเหนื่อยจากการวิ่งขึ้นบันไดมาเธอแทบจะไม่มีสมาธิกับการทำข้อสอบเพราะอาการเหนื่อยหอบ ดวงตากลมโตจึงปิดลงช้าๆเพื่อทำสมาธิ เธอชอบทำแบบนี้บ่อยๆเวลาที่รู้ว่าตนเองนั้นไม่มีสมาธิ ทำแบบนี้เพื่อเรียกสติของตนคืนมา เมื่อดวงตาปิดลงสติก็เริ่มเกิดเธอตั้งสติได้และสมาธิของเธอกำลังจะเกิด จิตใจที่วุ่นวายก็ปล่อยวางให้มันสงบลง เวลาผ่านไป5นาที ดวงตากลมโตค่อยๆลืมตาขึ้นมา ภาพแรกที่เธอเห็นคือ ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งที่ยืนอยู่หน้าห้องสอบของเธอขณะนี้ช่างดูดีนัก ใบหน้าที่เคร่งครึมแต่ก็ทำให้เธอแอบหวั่นไหวในใจได้ มาก และที่สำคัญตอนนี้เขากำลังเดินมาทางเธอ พอเขาเดินมาเธอก็รีบก้มหน้าก้มตารีบทำข้อสอบทันที เธอได้แต่ถามตนเองในใจว่าผู้ชายคนนี้เข้ามาในห้องสอบของเธอได้อย่างไร  ส่วนอาจารย์ที่คุมสอบคนเมื่อกี้นี้ก็เดินดูอยู่หลังห้อง


    คงจะเป็นผู้ช่วยอาจารย์ มาช่วยคุมสอบ

    เธอได้แต่คิดในใจแล้วตั้งหน้าตั้งตาทำข้อสอบต่อไป แต่มันก็ประม่าตรงที่คนที่เธอคิดว่าเป็นผู้ช่วยอาจารย์นั้นมายืนดูเธอทำข้อสอบแบบระยะประชิด เธอเองก็เริ่มไม่มีสมาธิทำข้อสอบอีกครั้ง ก็เพราะมีคนมายืนมองเธอทำข้อสอบแบบนี้ยังไงล่ะ


    เมื่อเวลาผ่านไปเขาก็ยังยืนดูเธอทำข้อสอบด้วยใบหน้าเรียบเฉย กานต์รวีที่เริ่มจะอึดอัดเลยต้องรีบทำข้อสอบอย่างรวดเร็วเพราะอึดอัดเหลือเกินที่เขามายืนดูเธอแบบนี้ จะบอกเขาว่าให้ออกไปยืนห่างๆก็ไม่ได้เพราะกลัวรบกวนเพื่อนๆที่กำลังสอบอยู่ เวลายังเหลือ30นาทีสุดท้ายในการทำข้อสอบ ปกติแล้วเธอจะนั่งทบทวนข้อสอบแต่คราวนี้เธอเลือกที่จะส่งอาจารย์ก่อนเวลา แล้วตอนนี้เธฮก็ทำข้อสอบเสร็จแล้วด้วย และคนที่เธอเข้าใจว่าเป็นผู้ช่วยอาจารย์นั้นได้เดินออกไปจากห้องสอบตั้งแต่เธอทำข้อสอบข้อสุดท้ายแล้ว


    “เอ่อ อาจารย์คะพี่ผู้ชายคนที่เดินออกไปจากห้องเมื่อกี้นี้ เป็นผู้ช่วยอาจารย์หรอคะ”

    เธอตัดสินใจถามอาจารย์ออกไปพร้อมกับยื่นข้อสอบให้


    “คนไหน ของเธอกานต์รวี แล้ววันนี้ก็มีแต่อาจารย์นี่แหล่ะที่คุมสอบพวกเธอ ผู้ช่วยที่ไหนไม่มีนะ”

    เมื่อได้รับคำตอบเธอก็รีบออกมาจากห้องทันที เธอต้องรู้ให้ได้ว่าเขาเป็นใครแล้วเข้ามาในห้องสอบนี้ได้อย่างไร

    สองขาเรียววิ่งลงบันไดจากชั้น4มาโดยเร็ว เพื่อจะมาให้ทันเขาคนนั้นเธอรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างที่เชื่อมโยงเธอกับเขาและยอมรับแบบตรงๆว่าเธอเองถูกชะตากับเขาไม่น้อย แล้วเธอก็ไม่ผิดหวังเมื่อมองเห็นเขาจากข้างหลัง ตอนนี้เธออยู่หน้าห้องสอบอีกห้องหนึ่งของตึกเรียนรวมตอนแรกเธอจะวิ่งลงไปชั้นล่างแล้วแต่มองมาเห็นเขาพอดี ถือเป็นโชคดีของเธอที่ตามเขามาทัน ชายหนุ่มคนนั้นเดินเข้าไปให้ห้องเรียนอีกห้องหนึ่งซึ้งเธอมองเข้าไปไม่เห็นมีใครเรียนอยู่เลยสักคน แล้วอีกอย่างหนึ่งคือวันนี้เป็นสัปดาห์แห่งการสอบของมหาลัย คงไม่มีอาจารย์คนไหนเปิดทำการเรียนการสอน ร่างบางทำใจกล้าบิดลูกบิดประตูตามเขาเข้าไปในห้องเรียนห้องนั้น ภายในห้องว่างเปล่าไม่มีใครเลยนอกจากเขาที่นั่งอยู่อีกทางมุมหนึ่งของห้อง ดวงตาเรียวคมมองมาที่เธออย่างจงใจ เธอเองก็แทบจะหาน้ำเสียงตนเองไม่เจอเมื่อเขามองมาที่เธอ ยิ่งได้มองยิ่งได้สบตาก็ยิ่งถูกชะตากับเขานัก เธอไม่นึกโกรธเลยเรื่องที่เขาไปยืนดูเธอทำข้อสอบอยู่ในห้องสอบ เมื่อสักครู่นี้ เพียงแต่เกิดอาการประม่าก็เท่านั้นเอง

    “เอ่อ คุณคะ.....คุณ”

    เธอเป็นฝ่ายเอ่ยถามเขาก่อน แต่ดูเหมือนว่าชายหนุ่มจะยังไม่รุ้ตัวว่าเธอพูดกับเขา เขายังคงมองซ้ายมองขวาหาคนอื่นอยู่ แต่จะหาใครล่ะเพราะในห้องนี้มีพียงแต่เธฮกับเขาเท่านั้น

    “คุณมองหาอะไรคะ” 

    เธอถามเขาออกไปอีกครั้งเพื่อให้เขามั่นใจว่าเธอพูดกับเขา  แต่แล้วเขาก็ยังไม่ตอบเธอออกมาเป็นคำพูด ชายหนุ่มชี้นิ้วหันกลับมาที่ตนเองเพื่อเป็นการถามว่าเธอพูดกับเขาอย่างนั้นเหรอ

    “เอ่อ... ค่ะ ฉันถามคุณ”  

    แววตาดีใจฉายออกมาอย่างไม่ปิดบังจากดวงตาเรียวคม ใบหน้าเรียบขรึมของชายหนุ่มยิ้มออกมาอย่างยินดี หลังจากที่เธอตอบออกมาว่าพูดกับเขา

    “คุณพูดกับผม ถ้าอย่างนั้นก็แปลว่าคุณมองเห็นผม” 

    เป็นประโยคแรกที่เขาพูดกับเธอและก็เป็นประโยคที่น่าแปลกใจอย่างยิ่งสำหรับหญิงสาว


    “ทำไมฉันต้องมองไม่เห็นคุณด้วยคะ”  เธอยังแปลกใจกับคำพูดของเขา


    “ถ้าอย่างนั้นก็แสดงว่า ในห้องสอบคุณก็มองเห็นผม” ชายหนุ่มไม่ตอบตรงประเด็นที่กานต์รวีถามแต่เขาเลือกที่จะถามเธอเรื่องที่เธอมองเห็นเขา


    “ก็มองเห็นสิคะ ตอนแรกฉันนึกว่าคุณเป็นผู้ช่วยอาจารย์ที่มาคุมสอบ” เธอตอบเขาออกไปพร้อมกับลากเก้าอี้อีกตัวมานั่งตรงข้ามกับเขา เธอเองก็ไม่เข้าใจตนเองเหมือนกันว่าเพราะเหตุใดเธอจึงเดินตามผู้ชายคนนี้เข้ามาในห้องเธอรู้เพียงแต่ว่า เธอรู้สึกถูกชะตากับเขามาก มากจนไม่รู้สึกกลัวเขาและยังรู้สึกไว้ใจเขาอีก


    “ไม่ใช่หรอกผมไม่ใช่ผู้ช่วยอาจารย์”


    “ว่าแล้วเชียว ฉันไปถามอาจารย์แล้วล่ะ”


    “คุณมองเห็นผมได้อย่างไร” เขาถามเธออกไปด้วยน้ำเสียงที่ติดจะเย็นชาเลยทีเดียว


    “คุณนี่ก็พูดแปลก ทำไมฉันต้องมองไม่เห็นคุณด้วยคะ”  แววตาท่าทางที่ไร้เรียงสาของเธอทำให้เขาแทบหลุดหัวเราะออกไป แต่ก็ต้องเปลี่ยนเรื่องคุยกับเธอใหม่


    “ผมชื่อภูรินทร์ แล้วคุณล่ะชื่ออะไร”  รอยยิ้มอ่อนโยนที่เขาคิดว่าจะไม่ได้ยิ้มให้ใครแล้วส่งมาให้เธออย่างไม่ปิดบัง


    “ชื่อกานต์รวีค่ะ”


    “เอาเชื่อที่เรียกง่ายๆสิคุณ คนที่บ้านคุณเรียกคุณว่ายังไง” 
    ชายหนุ่มถามเธอออกไปหวังจะให้บทสนทนาเป็นไปได้ด้วยดี แต่ก็มีเหตุให้ต้องชะงัก


    “เอ่อ......คือ...... ฉันไม่มีคนที่บ้านหรอกค่ะ แต่เพื่อนๆฉันเรียกฉันว่า ตั้งโอ๋ค่ะ เป็นชื่อเล่นของฉัน”  คำว่าไม่มีคนที่บ้านสะกิดใจของชายหนุ่มไม่น้อย เขาเองก็แทบไม่มีคนที่บ้านเหมือนกัน


    “ไม่มีคนที่บ้าน แล้วคุณอยู่กับใคร”


    “อยู่คนเดียวค่ะ” เธอตอบออกมาด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อยอย่างไม่ปิดบังคนตรงหน้า


    “ผมขอโทษนะที่พูดถึงเรื่องนี้” เขาเองก็ตกใจกับคำตอบของเธอไม่แพ้กัน ถ้าเขารู้เขาคงเลือกที่จะไม่ถามออกไปแบบนั้น


    “เอ่อแล้วคุณเข้าไปในห้องสอบทำไมกันคะ”
    เธอไม่ลืมที่จะถามเขาเรื่องนี้เพราะเหตุใดเขาจึงเข้าไปในห้องสอบได้ทั้งที่เขาก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรเลยกับการสอบปลายภาคของฉันในครั้งนี้

     
    เขาอยากบอกเธอเหลือเกินว่าเขาเข้าไปได้ยังไงกัน แต่เธอจะเชื่อหรือถ้าเขาบอกว่าเขาเดินเข้าไปในห้องสอบของเธอโดยไม่มีใครสามารถมองเห็นเขาได้เลยนอกจากเธอ มันอาจจะเป็นเรื่องเหลือเชื่อถ้าหากเขาบอกเธอว่า ไม่มีใครสามารถมองเห็นเขาได้นอกจากเธอ แต่ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อล่ะเพราะเขาเองก็ไม่เชื่อเหมือนกันว่า จะมีใครมองเห็นได้ หรือเขาต้องบอกความจริงว่าเขาเป็นใคร และทำไมจึงมีแต่เธอที่มองเห็นเขาได้คนเดียว


    “เอ่อ.....ตั้งโอ๋........ผมเรียกคุณแบบนี้ได้ใช่มั๊ย” ภูรินทร์ไม่ตอบคำถามที่หญิงสาวถาม ซ้ำยังพูดเปลี่ยนเรื่องออกไป เขาคิดที่จะเล่าความเป็นไปเป็นมาของตนให้หญิงสาวแปลกหน้าคนนี้ฟัง


    “ได้สิคะ.....” เธอตอบเขาออกไปโยไม่ลืมที่จะส่งรอยยิ้มแสนหวานให้กับชายหนุ่มตรงหน้า


    “ว่าแต่คุณ...........” เธอยังไม่ล่ะความพยายามกับการถามคำถามเดิม


    “คุณกลัวผีมั๊ย” แต่อยู่ๆเขาก้ถามเธอขึ้นมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย สร้างความกลัวให้หญิงสาวไม่น้อง

    กานต์รวีมองซ้ายมองขวารอบๆตนเองเมื่อเขาถามเรื่องนี้ออกมา ถึงเธอจะดูเป็นผู้หญิงแก่นเซี้ยวแต่เธอเองก็แอบกลัวเรื่องที่เขาว่าอยู่ไม่น้อย ไม่มีใครหรอกไม่กลัวผี


    “กลัว..........สิคะ” ไม่ใช่เพียงคำพูดที่แสดงออกมายืนยันว่าเธอกลัว แต่สีหน้าท่าทางของเธอก็ไม่ลืมที่จะเปิดเผยออกมาด้วย


    ความคิดที่จะเล่าเรื่องของตนให้เธอฟังเป็นอันต้องหายไป เขายังไม่อยากให้เธอหนีเขาไปตอนนี้ถ้าหากว่าเธอรู้มีความเป็นไปได้ที่เธอจะกลัวเขาจนต้องวิ่งหนีไปก็ได้


    “คุณถามทำไมคะ” เมื่อเขาเอาแต่เงียบเธอเลยถามเขาออกไป


    “ไม่มีอะไรหรอก” เขาตอบแบบขอไปที ในหัวเขาตอนนี้มีแต่ความคิดที่จะหาวิธีที่จะบอกสาวน้อยตรงหน้าอย่างแนบเนียนให้ได้ เขาไม่อยากโกหกเธอถึงแม้ว่าถึงเวลานั้นเธอจะกลัวเขามันก็ยังดีกว่าเวลานี้ เพราะภูรินทร์ต้องการที่จะทำความรู้จักและเจอสาวน้อยคนนี้ไปอีกนาน


    “เอ่อ ตั้งโอ๋ ทุกวันเวลานี้คุณมาหาผมที่ห้องนี้ได้มั๊ย” ชายหนุ่มบอกออกไปด้วยน้ำเสียงติดจะเย็นชาไม่บอกถึงความรู้สึกใดๆทั้งสิ้น


    “เอ่อ.........คงไม่เหมาะหรอกค่ะ แล้วอีกอย่างฉันก็ต้องออกฝึกงานอาทิตย์หน้านี้แล้ว” ถึงแม้ว่าเธอจะถูกชะตากับเขาและไว้ใจกับเขาเพียงใด แต่การที่มานัดเจอกันแบบนี้มันคงเป็นเรื่องไม่เหมาะสม ทั้งยังเป็นสถานที่ศึกษาด้วย

    ภูรินทร์เองก็พอจะเข้าใจเธอ เพราะเขาเองก็คิดแต่ว่าอยากจะเจอเธอแต่ไม่คิดถึงความเหมาะสมใดๆภูรินทร์เองก็ไม่สามารถปฏิเสธตนเองไม่ได้ ว่ารู้สึกถูกชะตาเธอไม่น้อยอาจเป็นเพราะเธอเป็นคนเดียวที่มองเห็นเขาก็ได้

      ชายหนุ่มมองไปรอบๆห้องเรียนที่เคยเป็นอดีตห้องเรียนของเขา สมัยเรียนตอนปี1 เขาเคยใช้ห้องเรียนนี้ในการเรียนวิชาเรียนรวมที่ต้องเรียนรวมกับเด็กคณะอื่น และเพราะวิชานี้เองที่ทำให้เขาได้เจอกับเธอคนนั้นคนที่เขาเจ็บเจียนตาย ต่อให้อุบัติเหตุที่แทบจะปลิดชีวิตของเขาไปยังไม่เจ็บเท่าเรื่องของเธอคนนั้น ความคิดของชายหนุ่มล่องลอยไปถึงอดีตที่ผ่านมา


    “คุณคะ..........เอ่อ......คุณภูคะ” ชายหนุ่มหลุดออกจากภวังค์เพราะเสียงเรียกของหญิงสาว


    “คุณเป็นอะไรรึเปล่าคะ เห็นเงียบๆ”  กานต์รวีเองก็สังเกตเห้นท่าทีแปลกๆของชายหนุ่มหลายอย่าง


    “เปล่าหรอก” ภูรินทร์ตอบเธอพร้อมกับลุกขึ้นจากเก้าอี้


    “ผมต้องไปก่อนล่ะ หวังว่าเราจะได้พบกันอีก”


    “เอ่อ เดี๋ยวค่ะ!” ก่อนที่ชายหนุ่มจะเดินพ้นออกไปจาห้องนี้ กานต์รวีก็รวบรวมความกล้าถามเขาออกมา


    “ฉันจะเจอคุณไอีกด้อย่างไรคะ”  เขาหยุดฟังสิ่งที่หญิงสาวถามออกมา แล้วไม่ลืมที่จะหันมาตอบคำถามกับเธอ คำถามที่เขาก็มีคำตอบให้เธออยู่ก่อนแล้ว


    “เชื่อผมสิ กานต์รวี ยังไงเราก็ได้เจอกันอีก” เขาพูดทิ้งท้ายกับเธอไว้เพียงเท่านั้น แล้วร่างสูงก็เดินหายออกไปจากห้องอย่างรวดเร็ว 





    สวัสดีค่ะรีดเดอร์ ชื่อวาค่ะ นามปากกาพิมพิศา นิยายเรื่องเเรกของวาค่ะมีข้อผิดพลาดประการใดติชมได้นะคะ เนื่องจากพล็อตเรื่องที่วางไว้ค่อนข้างยากมากค่ะ เเต่วาอยากเขียนเเนวๆนี้ รีดเดอร์มีข้อเเนะนำอะไรเเนะนำได้นะคะ ขอบคุณค่ะ^^

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×