ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The dark ocean [KrisYeol]

    ลำดับตอนที่ #8 : ตอนที่ 6...คำสาปแห่งคริออน

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.04K
      26
      16 มิ.ย. 56

    “รูมเมท!!!”ชานยอลเอ่ยทวนเสียงสูงปนไม่พอใจ ลำพังเรื่องเมื่อบ่ายก็ทำให้เขาอยากฆ่าคนคนนี้มากพอแล้ว นี่ยังจะมาอยู่ห้องเดียวกันอีกหรอ....
     
     
    “ใช่ รูมเมท” คริสเอ่ยด้วยน้ำเสียงสบายๆ พร้อมกับหยิบหนังสือการ์ตูนของชานยอลขึ้นมาอ่านหน้าปก แล้ววางมันไว้อย่างเก่า
     
     
    “นายมาเป็นรูมเมทฉันได้ยังไง!!!”ร่างสูงเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะลุกขึ้นเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวและเสื้อผ้า เตรียมที่จะอาบน้ำ
     
     
    “ฉันว่าฉันพูดชัดเจนอยู่แล้วนะว่าซุสสั่งอย่างนั้น”คริสหันมาตอบก่อนจะเดินเข้าไปในห้องน้ำ แต่ยังไม่ทันจะปิดประตู ชานยอลรีบเดินไปขวางเอาไว้เสียก่อน พร้อมกับปาเสื้อผ้าของร่างสูงทิ้งลงกับพื้นอย่างไม่ใยดี
     
     
    “ออกไปจากห้องฉัน!!!” คริสเหลือบตามองกองเสื้อผ้าบนพื้นนิ่ง ก่อนจะสบตาชานยอลตรงๆ
     
     
    “โพไซดอนไม่ได้สอนมารยาทที่ดีในการอยู่ร่วมกับคนอื่นงั้นหรอ”
     
     
    “สอน.....”
     
     
    “แล้วทำไม..”
     
     
    “แต่ไม่ได้สอนให้ใช้กับคนเลวๆอย่างนาย!!”แวบหนึ่งดวงตาของเขาเปลี่ยนเป็นสีทองเจิดจ้าที่แววโรจน์ด้วยแรงโทสะ ก่อนจะเปลี่ยนกับมาเป็นสีดำเหมือนเดิม
     
     
    “งั้นคนเลวๆอย่างฉันก็ไม่จำเป็นต้องทำตัวมีมารยาทกับนาย”
     
     
     
     
    ปัง!!!
     
     
     
     
     
    คริสปิดประตูใส่หน้าชานยอลอย่างแรง พร้อมกับเยาะเย้ยด้วยการเปิดน้ำเสียงดัง ทิ้งให้ร่างโปร่งยืนเคียดแค้นอยู่คนเดียว  มือเรียวกำแน่น ตากลมจับจ้องไปที่บานประตูราวกับต้องการจะเผาผลาญมันให้หมกไหม้ลงเสียเดี๋ยวนี้
     
     
     
     
    “งั้นฉันก็จะทำแบบนายเหมือนกัน!!!” ฉับพลันนั้นดวงตาของเขาก็เปลี่ยนเป็นสีฟ้า ก๊อกน้ำในห้องน้ำถูกทำให้ระเบิดออก กระแสน้ำฉีดพุ่งเข้าใส่ร่างของร่างสูงอย่างแรง แต่แค่นั้นก็ดูไม่สาสมกับแรงโทสะของเขา ชานยอลเร่งกระแสน้ำให้ไหลแรงและเร็วขึ้นอีก จนสายน้ำที่อ่อนโยนแปรเปลี่ยนเป็นอาวุธสังหารที่คมกริบมากจนสามารถทะลุทะลวงร่างกายคนได้  ของเหลวสีแดงฉานค่อยๆไหลออกมา ก่อนจะถูกน้ำที่ขอบประตูชะล้างไป ร่างโปร่งชะงักการควบคุมกลางคัน แต่ยังไม่ทันจะได้ประมวลผลถึงเหตุการณ์ ประตูก็ถูกเปิดออกเสียก่อน
     
     
     
    “นายจะลองดีกับฉันใช่มั้ย!!!”คริสแผดเสียงดังก่อนจะผลักชานยอลลงกับเตียง แล้วตามขึ้นมาทาบทับเอาไว้ มือหนาตรึงแขนทั้งสองของชานยอลไว้อย่างแรงจนผิวขาวขึ้นเป็นรอยแดง  หยดเลือดจากปากแผลที่สีข้างของร่างสูงค่อยๆหยดลงบนร่างของชานยอลจนชุดนักเรียนเปรอะเปื้อนไปหมด 
     
     
     
    “จะทำอะไร!!!”
     
     
    “เมื่อบ่ายยังไม่พออีกหรอ นายอยากจะโดนลงโทษอีกใช่มั้ย!!!” คริสบีบแขนชานยอลแรงขึ้นอีก จนเด็กหนุ่มใบหน้าบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด แต่ก็เพียงแวบเดียวเท่านั้นที่เขาแสดงออกมา ชานยอลเม้มปากแน่น ก่อนจะตั้งท่ากระทุ้งเข่าเข้ากับแผลของคริส แต่ก็ถูกร่างสูงใช้เข่ากดทับตัวเขามากขึ้นไปอีก
     
     
    “จะทำอะไร!”คริสตวาด
     
     
    “ปล่อย!!!”
     
     
    “ฉันปล่อยนายแน่หลังจากที่จัดการนายเสร็จแล้ว!!!” ปากหนาทาบทับลงมาที่กลีบปากอิ่ม ก่อนจะบดขยี้อย่างรุนแรง ฟันคมขบแรงๆจนเลือดไหลซิบ ของเหลวสีแดงฉานไหลย้อนไปรวมกับน้ำสีใสภายในโพรงปาก  ชานยอลเผยอปากอุทาน ก่อนจะรีบเม้มปาก แล้วสะบัดหน้าหนีร่างสูงไปมา แต่สุดท้ายก็หนีไปไหนไม่รอด เมื่อมือหนาของคริสบีบคางของชานยอลอย่างแรงเพื่อให้หันกลับมารับจูบของตน  
     
     
     
     
               ปากหนาขบเม้มกลีบปากของคนใต้ร่างแรงๆ โดยจงใจเน้นหนักๆที่ปากแผล เลือดสีสดไหลซึมออกมามากขึ้นอีก แต่แทนที่จะไหลเลอะออกมากลับถูกลิ้นร้อนตวัดเลียกลืนกินไปจนหมดสิ้น ทันทีที่เลือดหยุดไหล คริสก็สอดลิ้นเข้าไปเกี่ยวกระหวัดลิ้นของร่างโปร่ง ชานยอลพยายามหดลิ้นหนี พร้อมกับอ้าปากเตรียมจะกัดลิ้นของคริส แต่สุดท้ายก็ทำได้แค่ยอมอ้าปากให้ร่างสูงตักตวงความหอมหวานไปเท่านั้นเมื่อมือหนาบีบกรามแรงขึ้นจะผิวเนื้อซีดไร้สีเลือด
     
     
     
     
               ลมหายใจของชานยอลค่อยๆเหลือน้อยลงเรื่อยๆ จนตอนนี้ชานยอลแทบหายใจไม่ออกแล้ว มือเรียวบิดไปมา อกบางกระเพื่อมขึ้นลงถี่ๆ บ่งบอกให้รู้ว่าเขาเริ่มจะหมดลมหายใจแล้ว คริสเปรยตามองเล็กน้อย ก่อนจะกดจูบที่ริมฝีปากหนักๆ ลิ้นร้อนละเลียดกลีบปากช้าๆ โดยจงใจเน้นที่ปากแผล หากแต่ครั้งนี้ไม่ได้มีแต่สัมผัสวาบวามเท่านั้นที่เขาบรรจงให้คนใต้ร่าง แต่มันกลับแทรกไปด้วยความเจ็บปวดแบบแปลกๆ  
     
     
     
     
           ปากแผลค่อยๆเปิดกว้างออกทีละนิด จนผิวเนื้อชั้นในโผล่พ้นออกมา เลือดสีสดไหลออกมาจากปากแผลมากขึ้นเรื่อยๆ ผิวเนื้อโดยรอบเริ่มคล้ำขึ้นช้าๆราวกับแผลกำลังเน่า ชานยอลบิดเร้าร่างกายไปมาอย่างทรมาน  มันไม่ได้เจ็บอย่างที่โดนกัด แต่มันเหมือนแผลค่อยๆกินเนื้อดีอย่างช้าๆ โดยเร่งเอาความเจ็บปวดจากกระบวนการของแผลเน่าเปื่อยที่ควรจะเกิดขึ้นอย่างช้าๆให้เกิดเร็วขึ้นภายในเวลาไม่กี่นาที
     
     
     
     
    ทรมานราวกับใครเอาเกลือมาพอกแผลสด
     
     
    เจ็บปวดราวกับมีใครเอามีดมาเลาะปากแผล
     
     
     
       น้ำตาแห่งความเจ็บปวดเอ่อท้นอยู่ริมขอบตา แต่ก่อนที่มันจะไหลออกมา จู่ๆริมฝีปากหนาก็ผละออกมาเสียก่อน
     
     
     
     
    “มันคือบทลงโทษสำหรับคนอย่างนาย”พูดจบลิ้นร้อนก็แลบเลียแผลช้าๆ น่าแปลกที่ครั้งนี้มันกลับทำให้แผลบรรเทาความเจ็บได้...
     
     
    “นายทำอะไรกับฉัน”คริสหัวเราะในลำคอก่อนจะก้มลงกระซิบตอบ
     
     
    “ลงโทษนายไง................แผลนั้นจะไม่มีวันหาย เว้นเสียแต่ว่า........”คริสมองชานยอลด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ยิ่งเร่งเร้าให้ร่างโปร่งอยากรู้มากขึ้น
     
     
    “อะไร”
     
     
    “นายจะยอมให้ฉันใช้จูบรักษา....”
     
     
    “ฝันไปเถอะ!!”ชานยอลพูดพร้อมกับผลักอีกคนออกจากตัว พร้อมกับเงื้อหมัดเตรียมจะต่อยใบหน้าหล่อคมนั่น แต่ก็ถูกคำพูดของคริสสะดัดเอาไว้เสียก่อน
     
     
    “อีกอย่างที่ควรรู้ไว้............ยิ่งปล่อยไว้นานเท่าไร มันก็จะยิ่งรุกรามมากขึ้นเท่านั้น ก็เลือกเอาแล้วกันนะชานยอลว่าจะทำยังไง...”พูดจบคริสก็ยันตัวลุกขึ้นเดินหายเข้าไปในห้องน้ำอีกครั้ง  ชานยอลเหลือบตามองก่อนจะลูบแผลที่ฉีกยาวจากริมจนมาถึงกลางปาก ของเหลวสีแดงฉานเลอะเต็มมือร่างโปร่ง  เขารีบยันตัวลุกขึ้นก่อนจะเดินออกไปจากห้องทันที  คืนนี้เขาคงทนอยู่ร่วมห้องกับคริสไม่ได้จริงๆ...
       
     
     
             สองขาเรียวพาร่างตัวเองลงมายังห้องพยาบาลที่อยู่ชั้นล่างของหอพัก  หน่วยพยาบาลที่เป็นเวรเฝ้าอยู่ตรงนั้นร้องอุทานอย่างตกใจเมื่อเห็นแผลของชานยอล พวกเขารีบกระวีกระวาดเข้ามาทำแผลให้  หากแต่....
     
     
     
    เขาไม่รู้สึกอะไรเลย
     
     
     
     
        เหมือนยาพวกนั้นทำอะไรแผลไม่ได้เลย แม้แต่จะรู้สึกแสบก็ยังไม่รู้สึกเลย  ชานยอลนั่งนิ่งรอให้เขาทำแผลเสร็จ ก่อนจะเดินกลับขึ้นไป  ตลอดเวลาที่เดินไปในหัวก็ฉายภาพและคำพูดของคริสซ้ำไปซ้ำมาอยู่อย่างนั้น แผลนี้จะไม่มีวันหาย นอกจากมาร้องขอให้ช่วยเท่านั้น...
     
     
     
     
        คำพูดนี้คุ้นหูคล้ายเคยได้ยินมาก่อน ไม่ใช่ว่าเคยพูดกับเขามาแล้ว แต่เพราะมันคุ้นหูเหมือนเคยมีใครเคยพูดประโยคนี้มาแล้ว  ชานยอลพยายามทบทวนเรื่องราวต่างๆในชีวิต แม้จะเป็นเรื่องยากที่คนไฮเปอร์อย่างเขาจะมานั่งย้อนอดีตหาเหตุการณ์ที่เคยได้ยินมา แต่ลางสังหรณ์ลึกๆบอกให้เขาทำอย่างนั้น เพราะมันจะมีประโยชน์กับเขาในอนาคตไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง...
     
     
     
     
         แววตากลมโตฉายแววขบคิดอย่างหนัก คิ้วได้รูปทั้งสองขมวดเข้าหากันจนแทบจะรวมเป็นเส้นเดียว นิ้วเรียวเผลอยกขึ้นลูบริมฝีปากก่อนจะรีบชักกลับอย่างรวดเร็วเมื่อสัมผัสเข้ากับเลือดที่ไหลออกมาจากปากแผล  ชานยอลก้มมองคราบเลือดที่อยู่บนนิ้วเรียวด้วยแววตาที่หลากหลาย เขาทั้งโกรธ ทั้งไม่เข้าใจว่าทำไมร่างสูงต้องทำถึงขนาดนี้  สิ่งที่เขาทำมันผิดบาปมากนักเลยรึไง หรือต่อให้มันผิดจริงจำเป็นที่จะต้องลงโทษกันขนาดนั้นเลยหรอ เขาสมควรที่จะถูกลงโทษอย่างป่าเถื่อนแบบนั้นแล้วหรอ ลำพังแค่ช่วงชิงจูบแรกของเขาไปมันก็แย่มากพอแล้ว แต่การที่ตีตราความโกรธแค้นไว้ที่กลีบปากของเขาให้มันฝังรากความเจ็บใจลงไปในหัวใจของเขามันไม่มากไปหน่อยหรอ!!!
     
     
     
     
     
         การกระทำอันป่าเถื่อน และเอาแต่ใจนั่นสำหรับเขามันไม่ใช่แค่การกลั่นแกล้งธรรมดา หากแต่มันคือการเอาชนะ และหยามเกียรติให้พ่ายแพ้ต่อความเจ็บปวดด้วยการร้องขออ้อนวอนให้อีกฝ่ายรักษาเขาให้หายจากคำสาปแสนบ้าบอนี่ ในโลกนี้มันจะมีใครที่โหดเหี้ยมได้เท่านี้อีก จะมีใครที่สาปแช่งคนอื่นด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม และจิตใจที่ลิงโลดอย่างนั้นได้อีก ตั้งแต่เกิดมามีผู้ชายเพียงคนเดียวเท่านั้นที่เขาเคยพบเจอ นั่นก็คือฮาเดส เทพเจ้าแห่งความตายองค์นั้น..
         
     
     
     
           ฉับพลันนั้นนิทานปรัมปราที่เขาเคยฟังเมื่อครั้นยังเยาว์ก็ย้อนกลับเข้ามาในหัวอีกครั้ง  เรื่องราวของความโหดร้ายของเทพเจ้าองค์นั้นที่เคยสาปแช่งคริออน กษัตริย์โชคร้ายองค์หนึ่งที่บังอาจปฏิเสธคำขอขององค์เทพโดยสาปให้ชาวเมืองที่กษัตริย์ปกครองป่วยเป็นโรคระบาดร้ายแรงจนมีคนล้มตายเป็นจำนวนมาก และการล้างคำสาปก็ร้ายแรงมากจนต้องยอมสังเวยคร่าหญิงสาวพรหมจรรย์ผู้บริสุทธิ์ไปถึงสองรายด้วยกัน...
         
     
     
     
     
           บางทีความโกรธของคริสในครั้งนี้อาจคล้ายกับฮาเดสในครั้งนั้นก็ได้ ที่ทุกความรู้สึกถูกระบายออกมาผ่านคำสาปที่เกี่ยวกับโรคภัยไข้เจ็บ และหนทางที่จะช่วยเขาได้ในครั้งนี้ก็คงจะหนีไม่พ้นการไปร้องขอคริสจริงๆ ซึ่งนั่นไม่ใช่สิ่งที่เขาจะยอมทำแน่นอน
     
     
     
     
    “ไม่ยอมหรอก”ชานยอลพึมพำกับตัวเอง พร้อมกับเหลือบไปมองประตูห้องตัวเองด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังหากแต่ก็ระคนไปด้วยความหวาดกลัวที่เจ้าตัวพยายามจะลบล้างมันออกไปจากใจ แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าคริสมีอิทธิพลพอจะเขย่าความกล้าของเขาให้สั่นคลอนลง   ร่างโปร่งหันกลับไปมองทางข้างหน้าก่อนจะเดินขึ้นบันใดต่อไปเรื่อยๆจนถึงชั้นสี่  ขาเรียวเดินไปตามห้องต่างๆ ก่อนจะมาหยุดยืนอยู่ที่ห้องห้องหนึ่ง
     
     
     
     
    ก๊อก ก๊อก
     
     
     
     
      ภายในห้องเกิดเสียงกุกกักอยู่สักพักก่อนที่เจ้าของห้องจะออกมาเปิดประตูให้เขา
     
     
     
     
    “ว่างะ... เฮ้ย ยอล ไปโดนอะไรมาวะเนี่ย!!!”
     
     
     
    “ไค คืนนี้ฉันขอนอนกับนายหน่อย” ชานยอลไม่รอคำตอบจากอีกฝ่ายแต่กลับเดินเข้าไปในห้องเลย
     
     
    “ห๊ะ เฮ้ย เกิดไรขึ้นวะ”ไคพยายามเดินไปหาเพื่อนสนิทที่ล้มตัวนอนบนเตียงของเขา
     
     
    “ขอนอน”ชานยอลพูดด้วยน้ำเสียงอิดโรยที่พยายามอย่างยิ่งยวดที่จะบังคับให้มันเป็นปกติ
     
     
    “เฮ้ย ล่ะ แล้ว....”
     
     
    “เกิดอะไรขึ้นหรอไค”เสียงบุคคลที่สามที่เดินออกมาจากห้องน้ำดังขึ้น ก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อเห็นแผลที่ปากของชานยอล
     
     
    “คยองซู....คืนนี้ฉันขอนอนด้วยได้มั้ย”ชานยอลเอ่ยถาม
     
     
     
    “ชานยอลไปโดนอะไรมา นอน นอน จะนอนหรอ ดะ ได้สิๆ ได้ๆ เดี๋ยวฉันนอนพื้นเอง”คยองซูตอบละล่ำละลัก จะว่าเขากลัวชานยอลก็ได้ ก็ร่างโปร่งดันเป็นเด็กเกเรประจำโรงเรียน  เด็กเรียบร้อยอย่างเขามาเจอมันก็ชวนให้รู้สึกกลัวและไม่ไว้ใจขึ้นมาทันที
     
     
    “อ้าวเฮ้ย ได้ไง เดี๋ยวฉันนอนพื้นเอง”ไคแย้ง
     
     
     
    “ไม่เอาหรอก  งั้น งั้น เอ่อ เอางี้มั้ย เดี๋ยวผมไปนอนห้องชานยอล ส่วนไคก็นอนนี่เป็นเพื่อนชานยอล ดีมั้ยครับ”
     
     
    “อ่า....เอางั้นหรอ”
     
     
    “ครับๆ งั้น งั้น ผมไปดีกว่า ไม่กวนชานยอลกับไคแล้ว  แล้ว แล้ว เจอกันนะ”คยองซูพูดรัวก่อนจะรีบวิ่งออกไปจากห้อง แม้สองคนนั้นจะไม่ได้ทำอะไรเขาเลยแม้แต่น้อย เผลอๆจะดีกับเขามากเสียด้วยซ้ำ แต่อะไรบางอย่างก็ผลักดันให้เขาออกจากห้องให้เร็วที่สุด  
     
     
     
    มันอันตราย
     
     
     
    อันตรายเกินไปที่จะอยู่ใกล้สองคนนั้น...
     
     
     
     
    ขาเล็กรีบรุดมาที่ห้องของชานยอล แต่เมื่อถึงที่หมายเขากลับหยุดชะงัก ลังเลว่าจะเคาะประตูห้องดีมั้ย ปากเล็กเม้มเข้าหากันแน่น กำปั้นที่ตั้งท่าจะยกขึ้นเคาะลอยค้างอยู่กลางอากาศ เท้าที่หันไปทางประตูค่อยๆเบี่ยงตัวออกทีละนิด แต่ยังไม่ทันจะได้ขยับไปไหนมาก จู่ๆประตูที่ควรจะปิดก็ดันเปิดออก...
    คริสนอนกอดอกบนเตียง ตาคมเพ่งมองมาที่เขาก่อนจะเปล่งสุระเสียงที่อัดแน่นไปด้วยกลิ่นไอแห่งความตายออกมา
     
     
     
     
    “จะยืนตรงนั้นอีกนานมั้ย” คยองซูตัวสั่นระริกก่อนจะรีบก้าวเข้าไปในห้องพร้อมกับโค้งศีรษะเป็นเชิงขอโทษหลายๆรอบจนน่าหวั่นว่าเขาอาจปวดหัวได้  เขาไม่ชินเลยสักครั้งที่ต้องอยู่ใกล้คนคนนี้ ไม่เคยชินเลยสักครั้งเดียว...
     
     
     
     
    “ขอโทษครับ...............ท่านคริส”
     
     
     
     
     
     
     
    ----------------------------------------
     
     
     
     
     
     
         ติ๊ก ต๊อก ติ๊ก ต๊อก
    เสียงนาฬิกาเดินไปในจังหวะที่สม่ำเสมอท่ามกลางความเงียบสงัดยามเช้ามืด ทุกสรรพสิ่งดำเนินไปในท้วงทำนองที่ราบเรียบ หากแต่ความสงบของมันมิอาจขับกล่อมให้ร่างร่างหนึ่งที่นอนอยู่บนเตียงสงบลงได้  ร่างโปร่งของชานยอลกระสับกระส่ายไปมา  เหงื่อกาฬผุดพรายชโลมร่างของเขาจนเปียกชื่น ใบหน้าซีดเซียวจนไร้สีเลือด  ตัวสั่นงกๆ มือเรียวรีบดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมร่างของตัวเอง ก่อนจะอิงแอบหาไออุ่นให้ร่างกาย
     
     
     
     
     
    “นะ  หนาว  หนาว...”ปากอิ่มพึมพำอย่างคนไม่ได้สติ ฟันสวยขบเข้าหากันจนเกิดเสียงดังกึกๆ รบกวนการนอนหลับของเพื่อนข้างเตียง  ไคลืมตาตื่นขึ้นมาอย่างสะลึมสะลือ ก่อนจะลืมตาโพล่งเมื่อเห็นเพื่อนสนิทกำลังเพ้อ
     
     
     
     
    “ชาน  ไอ้ชาน ไอ้ชานยอล!”ไคพยายามร้องเรียก แต่ก็ไร้ผล ชานยอลยังคงไม่ได้สติอยู่เหมือนเดิม
     
     
     
     
    “ไอ้ชาน ชาน เฮ้ย! ทำไมตัวร้อนงี้วะเนี่ย” ไคอุทานออกมาเสียงดังเมื่อเขาสัมผัสไอร้อนได้จากการเขย่าตัวร่างโปร่ง เด็กหนุ่มผิวเข้มรีบวิ่งไปเปิดไฟ ก่อนจะกลับมาเขย่าตัวเพื่อนแรงขึ้นอีก
     
     
     
    “ชาน ชาน!! ไอ้ชาน ตื่นดิ่”ไคตะโกนสุดเสียงเมื่อเห็นรอยแผลที่ริมฝีปากชานยอลแย่ลงมาก เด็กหนุ่มร่างโปร่งปรือตามองอย่างอ่อนแรง ก่อนจะพึมพำออกมาเบาๆ
     
     
     
    “น้ำ  หนาว  น้ำ...” ไคขมวดคิ้ว แม้จะไม่ค่อยเข้าใจความหมายของเพื่อน แต่ก็รีบวิ่งไปหยิบผ้าชุบน้ำมาวางบนหน้าผากของร่างโปร่ง มือเรียวยกขึ้นช้าๆ ก่อนจะหยิบมันลงมา
     
     
     
    “ห้องน้ำ  น้ำ...”
     
     
     
    “ห๊ะ! ห้องน้ำเนี่ยนะ บ้าป่ะวะ”
     
     
    “น้ำ”
     
     
     
    “เพ้อแล้วว่ะ รออยู่นี่แปบนึงเดี๋ยวฉันไปเรียกหมอที่ห้องพยาบาลให้ อย่าเพิ่งเป็นไรนะ เดี๋ยวฉันมา!!!”ไคสรุปอาการชานยอลเสร็จสรรพก่อนจะรีบวิ่งออกจากห้องไปทั้งๆที่ยังไม่รอคำตอบจากชานยอลเลย  ร่างโปร่งมองตามเพื่อนที่วิ่งออกไป ก่อนจะถอนหายใจยาว แขนเรียวยันร่างตัวเองขึ้นอย่างยากลำบาก ก่อนจะค่อยๆเดินโซเซไปที่ห้องน้ำ  ฝักบัวถูกเปิดออกให้สายน้ำไหลรินลงกระทบร่างกายเขา ร่างโปร่งหลับตาซึมซับความเย็นของมันก่อนจะทรุดฮวบลงกับพื้นห้องน้ำอย่างเหนื่อยอ่อน
     
     
     
     
     
            อาการไข้หนาวสั่นที่เกิดขึ้นเกิดจากแผลที่ปากมันรุกรามและอักเสบมากขึ้นเรื่อยๆจนกัดกินร่างกายของเขาด้วยพิษไข้ร้ายแรงที่เขาไม่เคยเป็นมาก่อน อุณหภูมิร่างกายของเขาลดต่ำลงอย่างเฉียบพลันจนดูเหมือนคนใกล้ตาย หากแต่ก็ไม่หมดลมหายใจเสียที มันกักขังความทรมานของร่างกายให้อยู่ก้ำกึ่งระหว่างเป็นกับตายให้ทุรนทุรายเจียนตาย   ในขณะที่บาดแผลริมฝีปากก็ปวดแสบปวดร้อนราวกับถูกขุมไฟจากนรกกำลังลามเลีย ซ้ำร้ายมันยังกลืนกินเนื้อดีมากขึ้นเรื่อยๆจนตอนนี้รอยแผลลึกยาวจนเกือบถึงมุมปากอีกด้านหนึ่งแล้ว
     
     
     
     
    กึก กึก กึก กึก
     
     
     
    เสียงฟันบนกระทบฟันล่างถี่ๆ แขนเรียวยกขึ้นกอดอกให้ไออุ่นกับตัวเอง ก่อนจะเชิดหน้าขึ้นเพื่อรองรับสายน้ำที่มักจะช่วยให้เขาหายเจ็บปวดขึ้นทุกครั้ง  แต่ครั้งนี้....
     
     
     
    มันกลับช่วยเขาไม่ได้เลย
     
     
     
     
     
    อาการไข้ของเขาดีขึ้นเพียงชั่วครู่เท่านั้น ก่อนจะกลับมาแย่เหมือนเดิม ส่วนรอยแผลแม้ไม่ได้แย่ลงแต่ก็ไม่ได้ดีขึ้นแม้แต่น้อย ชานยอลกระชับแขนกอดตัวเองให้แน่นขึ้น ก่อนจะพิงศีรษะกับผนังห้องอย่างอ่อนเพลีย  ดวงตากลมปรือปรอยมองสายน้ำที่ไหลรินอย่างเลื่อนลอย ปากอิ่มเผยออ้าออกเพื่อช่วยหายใจ  หยาดเลือดค่อยๆไหลไปตามคางมน  แม้ความอุ่นของมันจะกระตุกสติของเขาให้กลับมาบ้างแต่สุดท้ายมันก็ค่อยๆหลุดลอยไปเหมือนอย่างเดิม  เปลือกตาบางค่อยๆปิดลงช้าๆ  อีกเสี้ยววินาทีเท่านั้นเขาก็จะสลบไป
     
     
     
    “ชาน ไอ้ชาน!!”เสียงไคดังขึ้นก่อนที่หมออีกคนจะตามเข้ามาในห้องน้ำ
     
     
     
    “คุณ!!!”แพทย์หนุ่มร้องลั่น ก่อนจะรีบวิ่งเข้ามาปิดน้ำแล้วเขย่าตัวชานยอล
     
     
    “หนาว...”สิ้นเสียงสติทั้งหมดก็ดับวูบไป
     
     
    “ไอ้ชาน!”ไคตะโกนเรียกสุดเสียง ก่อนที่นายแพทย์จะเข้ามาพยุงชานยอลลงไปที่ห้องพยาบาล อุณหภูมิร่างกายที่สูงมากเร่งเร้าให้นายแพทย์ต้องรีบช่วยปฐมพยาบาลให้ทันท่วงที ร่างโปร่งถูกวางลงบนเตียงก่อนจะถูกเช็ดตัวเพื่อให้ไข้ลดลง ไคที่ตามมาด้วยมองด้วยความกังวล ตั้งแต่รู้จักกันมาแทบจะนับครั้งที่ร่างโปร่งไม่สบายได้ อีกทั้งทุกครั้งที่เจ็บป่วยก็ไม่เคยถึงขั้นสลบไปแบบนี้  ครั้งนี้มันแปลกไปจริงๆ...
     
     
     
       ตาคมคายมองใบหน้าซีดเซียวของเพื่อน ก่อนจะสะดุดเข้ากับรอยแผลที่ขยายวงกว้างขึ้นที่กลีบปากอิ่ม เลือดสีสดไหลซิบๆออกมา เนื้อเว้าแหว่งลึกลงไปมากกว่าเดิม ทำให้รอยแผลเหมือนถูกใครเลาะเนื้อออกมา  แต่ใครล่ะที่จะทำมัน...
     
     
     
     
      เมื่อคืนจู่ๆชานยอลก็ขอมานอนกับเขาด้วยสภาพแบบนั้น พอถามอะไรก็ไม่ยอมตอบ เอาแต่ขอนอนด้วยอย่างเดียว แสดงว่ารอยแผลนั่นต้องไม่ใช่เหตุบังเอิญที่เจ้าตัวเผลอไปซุ่มซ่ามได้มาแน่ มันจะต้องมีที่มามากกว่านั้น ที่มาที่ชานยอลไม่อยากจะเล่า  และอาจเป็นสาเหตุที่พาชานยอลมานอนค้างกับเขาด้วยก็ได้  ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงคนที่น่าจะรู้เรื่องนี้ดีที่สุดก็คือ...รูมเมทของชานยอล
     
     
     
    “หมอครับ  ปฐมพยาบาลเสร็จแล้วใช่มั้ยครับ”ไคเอ่ยถาม เมื่อเห็นว่าหมอหนุ่มวางผ้าลงในถาดอะลูมิเนียม
     
     
     
    “ครับ ตอนนี้ก็รอให้ไข้ลดลง แต่ยังไงวันนี้หมอต้องขอให้ชานยอลนอนพักที่นี่นะ สภาพอย่างนี้คงไปเรียนไม่ไหวหรอก ส่วนเรา จงอิน นี่ใกล้จะเข้าเรียนแล้วนะ รีบไปเรียนเถอะ เดี๋ยวทางนี้หมอจัดการเอง”
     
     
     
    “ครับ ฝากด้วยนะครับ” ไคโค้งศีรษะลา ก่อนจะเดินออกไปจากห้องพยาบาล แต่สถานที่ที่เขาจะไปตอนนี้ไม่ใช่ห้องของตัวเองแต่เป็นห้องของคริสต่างหาก  เขาจะต้องรู้ให้ได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น รอยแผลที่ปากของชานยอลมันไม่ใช่เรื่องเล่นๆแล้ว....
     
     
     
     
      ขายาวพาร่างของตัวเองกึ่งเดินกึ่งวิ่งขึ้นบันใด เด็กนักเรียนที่แต่งตัวเรียบร้อยเตรียมจะไปเข้าเรียนสวนทางกับเขามากมาย แต่พวกนั้นล้วนไม่ใช่เป้าหมายของเขาทั้งสิ้น ไคเดินเลี้ยวไปด้านขวาเพื่อไปที่ห้องของชานยอล แต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อเห็นคนที่ต้องการพบเดินออกมาจากห้อง
     
     
     
    “รุ่นพี่”
     
     
    “ครับ มีอะไรรึเปล่า แล้วนี่ทำไมยังไม่ไปแต่งตัวอีกล่ะครับ” คริสเอ่ยถาม
     
     
    “เรื่องแผลที่ปากชานยอล รุ่นพี่รู้มั้ยครับว่ามันเกิดอะไรขึ้น”ไคถามทะลุกลางป้อง คริสเลิกคิ้วเล็กน้อยก่อนจะตอบ
     
     
    “แผล? ชานยอลไปโดนอะไรมาหรอ เมื่อวานก็ยังเห็นดีๆอยู่เลย”คริสถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงระคนอยากรู้
     
     
    “อะ อ่าว รุ่นพี่ไม่รู้หรอกครับ ผมคิดว่าพี่กับมันทะเลาะกัน จนมันหนีมานอนห้องผมซะอีก”
     
     
    “ทะเลาะกันน่ะจริงครับ แต่ทะเลาะกันตั้งแต่เช้าแล้วนะ เพราะเขาโมโหที่พี่ลงโทษเขาด้วยการให้ไปช่วยงานที่แลปชีวะ แต่พอหลังจากลงโทษเสร็จพี่ก็ไม่เห็นเขาอีกเลย แล้วเรื่องแผลนี่เขาไปโดนอะไรมาหรอ”
     
     
     
    “ไม่รู้ครับ แต่มันหนักมาก ถึงกับไข้ขึ้นต้องไปนอนซมอยู่ที่ห้องพยาบาลเลย”
     
     
     
    “งั้นหรอ  งั้นเดี๋ยวพี่จะไปเยี่ยมเขาหน่อยดีกว่า”คริสตอบก่อนจะยกข้อมือดูนาฬิกาแล้วเอ่ยต่อ
     
     
    “จะเข้าเรียนแล้ว รีบไปแต่งตัวเถอะ เดี๋ยวจะช้าเอานะครับ”
     
     
    “อะ เอ่อ ครับๆ ฝากชานยอลด้วยนะครับรุ่นพี่” คริสพยักหน้ารับ ก่อนจะเดินเลี่ยงไป   ไคมองชายหนุ่มร่างสูงก่อนจะพึมพำออกมาเบาๆ
     
     
    “แล้วสรุปมันเกิดอะไรขึ้นกับชานยอลล่ะ”ได้แต่เอ่ยถามกับตัวเองอย่างนั้นแต่ก็ไม่ได้คำตอบอะไรกลับมา...
     
     
     
     
     
     
    -------------------------------------------
     
     
     
     
     
     
       คริสที่เดินลงบันใดกระตุกยิ้มมุมปาก เขามองเหตุการณ์นี้เป็นเพียงแค่ความประสบความสำเร็จของแผนการเท่านั้น ไม่ได้มีจิตใจจะนึกสงสารหรือเห็นใจใดๆทั้งสิ้น สำหรับเขา ชานยอลก็เหมือนหมากตัวหนึ่งที่เขาใช้ในกระดานหมากเพื่อให้ตัวเองรุกฆาตเท่านั้น ไม่ได้มีค่าอะไรกว่านั้นเลย...
     
     
    ท่านคริส
     
     
    เสียงโอฟีอุสดังขึ้นข้างๆชายหนุ่ม หากแต่ไม่มีใครได้ยินมันเลยนอกจากเขาคนเดียว  ร่างสูงเหลือบตามองเล็กน้อยเป็นเชิงสั่งให้พูดต่อ
    ท่านควรจะปราณีท่านชานยอล อย่างน้อยเขาก็เป็นบุตรของโพไซดอน  
     
     
     
      คริสกรอกตาไปมาก่อนจะเอ่ยตอบในใจ ขณะที่ขายาวก็พาร่างตัวเองไปเดินไปที่ห้องพยาบาล
     
     
    ฉันก็ทำอยู่นี่ไง
     
     
     
    ท่านควรจะหยุดเสียตั้งแต่ตอนนี้  ก่อนที่ท่านโพไซดอนจะรู้ว่าท่านใช้ลูกชายของเขาเป็นเพียงแค่เครื่องมือประชดประชันท่านพ่อของท่าน
     
     
    ประชดงั้นหรอ เกมส์ของฉันมันไม่ไร้สาระขนาดนั้นหรอก
     
     
    หรือว่าท่านจะ..... ท่านคริส! ท่านไม่ควรทำอย่างนี้!
     
     
     
     
     คริสชะงักฝีเท้าก่อนจะเหลือบมองยังตำแหน่งที่โอฟีอุสยืนอยู่ แล้วจึงเอ่ยตอบออกมาเมื่อเห็นว่าแถวนั้นไม่มีใคร
     
     
     
    “ฉันจะไม่หยุด จนกว่าฉันจะชนะ”พูดจบมือแกร่งก็ผลักประตูห้องพยาบาลออกตัดบทจบการสนทนาแต่เพียงเท่านั้น
     
     
    “อ้าว คริส”นายแพทย์ร้องทัก คริสโค้งศีรษะให้ก่อนจะทรุดนั่งข้างเตียงชานยอล
     
     
    “ไม่มีเรียนหรอคริส นี่มันเวลาเรียนแล้วนะ”
     
     
    “ผมสอบทุกวิชาของวันนี้ผ่านหมดแล้วล่ะครับ เลยไม่มีเรียน”
     
     
    “เก่งจริงๆ เอ่อ........คริส........ถ้าหมอจะขอฝากให้ดูแลชานยอลสักชั่วโมงสองชั่วโมงได้มั้ย  บังเอิญว่าผมต้องออกไปทำธุระด่วนน่ะ”
     
     
     
    “อ้อ  ได้สิครับ เดี๋ยวผมจะดูแลให้”
     
     
    “ขอบคุณมากๆ งั้นเดี๋ยวหมอกลับมานะ” นายแพทย์เอ่ยขอบคุณก่อนจะหยิบกระเป๋าแล้วตั้งท่าจะออกจากห้องพยาบาลไป คริสยันตัวลุกขึ้น พร้อมกับโค้งศีรษะให้เป็นเชิงบอกลา
     
     
    “ฝากด้วยนะคริส”
     
     
    ปัง
     
     
     
    ประตูปิดลงพร้อมกับนายแพทย์ที่ออกไปและความตายที่ค่อยๆเข้ามาเยือน
     
     
     
    “จะดูแลให้อย่างดีเลยล่ะ”คริสเอ่ยเสียงเย็นพร้อมกับมองใบหน้าซีดเซียวของชานยอลที่นอนอยู่บนเตียงผู้ป่วยด้วยแววตาที่เหมือนสิงโตกำลังจับจ้องเหยื่อของตัวเอง...
     
     
     
     
         โอฟิอุสมองชานยอลด้วยแววตากังวล เขารู้ดี รู้ดีที่สุดว่าเจ้านายของเขาจะทำอะไร และแน่นอนว่ามันจะต้องไม่ใช่สิ่งที่ดีแน่นอน...
     
     
     
     
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×