ลำดับตอนที่ #26
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #26 : ตอนที่ 23...ความจริงของเทพเจ้า
มาร์ธาทรุดฮวบลงกับพื้น มือบางกุมเข้าหากันเพื่อหยุดอาการสั่น ร่างทั้งร่างเย็นเยียบราวกับนกที่เกรงกลัวอสรพิษในพงไพร ภาพเบื้องหน้าที่เห็นกระตุกหัวใจให้วูบไหว และสั่นคลอนจนแทบไม่มีแม้แรงยืนหยัดค้ำร่างกายไว้ เมื่อความฝันร้ายที่เธอหลีกหนีมาตลอดชีวิต และหายนะกว่าสิบปีที่คอยหลบซ่อนเร้นกายกลับเกิดขึ้นจริงตรงหน้าเธอตรงนี้ ในวินาทีที่เธอไม่พร้อมจะต่อสู้ หรือยืนหยัดใดๆทั้งสิ้น
“ทะ ท่าน…”เธอทำได้เพียงแค่เอื้อนเอ่ยอย่างคนโง่ที่หมดหนทางจะดิ้นรน การพบเจอเพอร์เซโฟเนไม่ใช่เรื่องดี และยิ่งไม่ดีเมื่อมีคริสอยู่ที่นี่ด้วย…
“ตกใจขนาดนั้นเลยงั้นรึ มาร์ธาร์”เทพีเอ่ยด้วยน้ำเสียงเสแสร้ง ก่อนที่ม่านหมอกควันสีเขียวอ่อนที่มีกลิ่นหอมหวนของดอกไม้นานาพันธุ์จะแผ่คลุมไปทั่วทุกอณูพื้นที่แล้วกันคริสกับชานยอลออกไปจากวงล้อม เพราะการมีคริสอยู่ใกล้ในตอนที่เธอต้องใช้พลังไม่ใช่เรื่องดี เพราะพลังที่ร่างสูงมีคือพลังแห่งความตาย การเน่าเปื่อย และเหี่ยวเฉา เหมือนอย่างพ่อของเขา ทำให้พลังแห่งชีวิตของเธอถูกบั่นทอนลงไปเหมือนอย่างตอนที่เธออยู่ใกล้ฮาเดส ที่พืชพันธุ์ทั้งหมดจะแห้งตาย เพราะเทพียังอย่างเธอหมดพลัง จนโลกทั้งโลกต้องเข้าสู่ช่วงฤดูหนาวที่แสนจะเดียวดาย
ดวงตาสีมรกตของเทพเจ้าจับจ้องอีกฝ่ายด้วยความแค้นก่อนจะใช้เถาวัลย์กระชากร่างของอีกฝ่ายเข้ามาหาตัวอย่างแรง
“ข้าต่างหากที่ควรจะตกใจเมื่อเจอเจ้า!!!!”พืชพรรณทั้งหมดพลันแห้งเหี่ยวลงในบัดดลราวกับพวกมันกำลังตอบสนองต่อความพิโรธของเทพี
“ฉันไม่ได้….โอ๊ยย!!!”น้ำเสียงของมาร์ธาร์ขาดห้วง เมื่อเถาวัลย์เส้นใหญ่รัดคอให้ทุรนทุราย
“เจ้ากล้าดียังไงถึงได้ลงไปพลอดรักกับสามีของข้าถึงถิ่น มาร์ธาร์!!!!”เทพีประกาศกร้าวอย่างเดือดดาล ความคลั่งแค้นลวกหัวใจที่งดงามของเธอให้ผุผองด้วยความโกรธและเกลียดชัง จนเนื้อแท้ที่ดีงามได้หายไปจนหมดเกลี้ยง
“ฉัน…แค่ก แค่ก ลงไปช่วย….คริส”มาร์ธาร์พยายามร้องบอก มือบางปัดป่ายอย่างไร้ทิศทางเมื่อเริ่มขาดอากาศหายใจลงเรื่อยๆ หากแต่เทพเจ้าก็หาได้สนใจไม่ องค์เทพียังคงทรมานเธอต่อไป
“ข้าว่าเรื่องลูกมันเป็นเรื่องรองเสียมากกว่ามั้ง!!!”องค์เทพเสกหนามออกมาจากเถาวัลย์ให้ทิ่มแทงลงไปในเนื้อของมาร์ธาร์จนเจ็บปวด และเลือดไหลซึมออกมาตามจุดที่ถูกแทง แต่ที่ร้ายแรงกว่านั้นคือหนามที่ฝังตัวลงไปใต้เนื้อ ค่อยๆแตกหนามออกอีก แล้วแตกจำนวนไปเรื่อยๆ ราวกับมันกำลังกัดกินเนื้อในช้าๆ….
“อั่ก! มะ ไม่….ฉัน….แฮ่ก แฮ่ก พูดจริง”มาธาร์เอ่ยตอบอย่างทรมาน ความเจ็บปวดจากการถูกหนามแทงแผ่กระจายไปทั่วร่าง โดยเฉพาะที่ส่วนปลายของร่างกายที่เริ่มปวดร้าวและชาเมื่อต้นไม้ที่รัดรึงอยู่นี่กำลังดูดเลือดภายในร่างกายของเธอช้าๆ จนแขนและขาเริ่มเขียวคล้ำและค่อยๆตายลง หากแต่การเน่าเปื่อยที่ควรจะเกิดขึ้นตามหลักธรรมชาติกลับถูกเทพีบิดริ้วสาปส่งให้ส่วนที่ตายกลายเป็นสิ่งอื่นที่เลวร้ายกว่า…
เนื้อที่ตายไปค่อยๆแปรสภาพเป็นเปลือกไม้ ในขณะที่ภายในถูกเปลี่ยนเป็นเนื้อไม้อย่างช้าๆ…. เธอกำลังจะเป็นต้นไม้
“โกหก! ถ้าเป็นอย่างนั้นฮาเดสจะไปส่งเจ้าทำไม!!!”เทพีตะหวาดลั่นพร้อมกับรัดเถาวัลย์ให้แน่นขึ้นจนหนามทิ่มแทงลึกลงไปมากกว่าเดิม ใบหน้างดงามของเทพเจ้าถูกขจัดออกไปด้วยความแค้น และหึงหวง จนแต้มแต่งให้ใบหน้าของเทพเจ้าไม่ต่างอะไรจากแม่มดผู้ชั่วร้าย
“อั่ก …ฉัน….ฉันไม่รู้”มาร์ธาร์พูดอย่างยากลำบากเมื่อเถาวัลย์รัดคอของเธอแน่นขึ้นจนแทบหายใจไม่ออก และหนามแหลมนับพันทิ่มแทงเข้าไปในร่างลึกราวกับมีใครเอาเข็มมากระสวกลงไปในเนื้อของเธอและแผ่กระจายกิ่งก้านภายในร่างกายอย่างรวดเร็ว จนเธอรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างเคลื่อนไหวอยู่ในร่าง
“เจ้าไม่เคยรู้อะไรเลย ไม่เคยรู้ว่าผู้ชายที่ตัวเองรักมีเจ้าของแล้ว!!! ไม่เคยรู้ว่าทำใครอื่นต้องเจ็บช้ำ!!! ไม่เคยรู้ว่าเมียหลวงอย่างข้าต้องทนทุกข์แค่ไหนกับการถูกแย่งชิง!!!”เทพีพูดพร้อมกับตบอกของตัวเองอย่างอดกลั้น ดวงตาสีเขียวมรกตหม่นแสงลง รัศมีเรืองรองของเทพเจ้าวูบไหวไม่โชติช่วงดั่งปกติ
“ฉัน….ขอ…..โทษ”หญิงวัยกลางคนกล่าวคำขอโทษทั้งน้ำตานองหน้า ทั้งเจ็บจากการถูกทิ่มแทงและปวดร้าวกับอดีตอันน่าหดหู่ของโศกนาฏกรรมแห่งรัก ที่เกิดจากผู้ชายเพียงคนเดียวที่ทำให้หญิงสองคนทั้งรักและเจ็บไปพร้อมๆกัน…
คนหนึ่งเจ็บที่ถูกแย่งชิง
คนหนึ่งเจ็บที่แย่งชิงมา
แล้วใครกันที่เจ็บกว่ากัน…
“ข้าเป็นที่หนึ่งมาตลอด อยู่คู่บัลลังก์ของฮาเดสมาหลายพันปี แต่แล้ววันหนึ่งก็มีมนุษย์ที่ไหนก็ไม่รู้มาแย่งชิงความรักของข้าไป แย่งไปทุกสิ่ง ชิงไปทุกอย่าง แม้กระทั่งหัวใจของคนที่ข้ารัก เป็นเจ้า เจ้าจะรับได้รึมาร์ธาร์ ที่ต้องใช้ความรักร่วมกับใครอีกคน”เทพีเอ่ยถามด้วยแววตาสั่นระริกที่เจือปนไปด้วยความเจ็บปวดที่พอกพูนมากขึ้นเรื่อยผ่านกาลเวลาจนแปรเปลี่ยนกลายเป็นความแค้น…
“ขอ…โทษ”มาร์ธาร์กล่าวคำขอโทษซ้ำอย่างยากลำบากและเจ็บปวด เมื่อคำสาปของเพอร์โฟเน่ค่อยๆกลืนกินร่างของเธอให้กลายเป็นต้นไม้มากขึ้นเรื่อยๆ โดยทุกขณะที่มันคืบคลาน ความทรมานก็ทวีคูณเรื่อยๆราวกับใครเอาเลื่อยมาหั่นอวัยวะของเธอซ้ำๆให้เจ็บปวดเจียนตาย หากแต่มันเป็นสิ่งเดียวที่เมียน้อยผู้ถูกยัดเยียดคำว่าแย่งชิงสามีคนอื่นอย่างเธอทำได้
อีกฝ่ายเจ็บอยู่ก็รู้ ทุกอย่างเป็นอย่างไรก็เห็น แต่อดีตที่ผิดพลาด มิอาจแก้ไขให้ถูกได้ในปัจจุบัน เพราะถึงอย่างไรความผิดก็ยังคงติดตรึงอยู่ในความทรงจำ
“คำขอโทษช่วยอะไรไม่ได้มาร์ธาร์ ข้าไม่หายเจ็บ ไม่มีวันจะหาย และข้าไม่ต้องการจะใช้ความรักร่วมกับใคร ทางเดียวที่จะทำให้ข้าทุเลาจะพิษรักได้ก็คือเจ้าต้องตาย….” ฉับพลันนั้นเทพีก็เร่งให้ต้นไม้ทิ่มแทงลงไปในร่างของหญิงวัยกลางคน
“อั่ก!!!”มาร์ธาร์อาเจียนออกมาเป็นเลือด ใบหน้าบิดเบี้ยว ลมหายใจหอบถี่ ปากซีดเซียว ต้นไม้ปีศาจที่เกาะกินร่างของเธอกลืนกินจนถึงเอวและหัวไหล่ของเธอแล้ว อีกไม่ช้ามันก็จะทำให้หัวใจของเธอกลายเป็นเพียงเนื้อไม้ไร้ค่าที่รอวันผุพัง
“แต่ไม่!!! เจ้าไม่ตาย!!! เจ้าไม่ได้ถูกฮาเดสฆ่า แต่เจ้ากลับยังอยู่ตรงนี้!!! ยังคอยเป็นเสี้ยนหนามทิ่มแทงหัวใจของข้าให้เจ็บปวด!!!”
“อ๊ะ โอ๊ยยย!!!” มาร์ธาร์ร้องเสียงหลงเมื่อเทพีกระชากผมของเธอให้เงยหน้าขึ้นสบตากับเทพเจ้า
“กว่าสิบปีที่ข้าอยู่โดยไม่มีเจ้า กว่าสิบปีที่โง่หลงคิดว่าเจ้าว่าตายไปแล้ว กว่าสิบปีที่ถูกหักหลังโดยคนรัก เป็นคนโง่ที่คอยให้พวกเจ้าปั่นหัว เป็นคนเขลาที่มีงมงายในความสุขที่ไม่มีจริง แต่วันนี้ไม่แล้ว! ข้าจะไม่ยอมเป็นคนโง่อีกแล้ว!!! ข้าจะฆ่าเจ้าให้ตายต่อหน้าต่อตาข้าเอง!!!!”นิ้วมือเรียวของเทพีบีบเข้าที่สันกรามของหญิงวัยกลางคน ฉับพลันนั้นผิวแก้มเนียนก็กลายเป็นเปลือกไม้ และเริ่มรุกรามไปทั่วทั้งใบหน้า
“จงตายไปซะ มารหัวใจของข้า!!!”เทพีแผดเสียงดังกึกก้อง คำสาปแห่งพฤกษารุกรานใกล้หัวใจของมาร์ธาร์อย่างรวดเร็ว ม่านหมอกสีเขียวโหมพัดกระพือกลายเป็นพายุหมู่มวลดอกไม้ที่เต็มไปด้วยสีแดงดั่งโลหิต เทพีแสยะยิ้มอย่างผู้มีชัย ดวงตามรกตมองภาพเบื้องหน้าราวกับเป็นการแสดงระบำดอกไม้ที่น่าชื่นชม เปลือกไม้ลุกคืบเข้าไปใกล้มากขึ้น จากไหปลาร้า มายังเนินอก ก่อนจะแทรกซึมเข้าไปในหัวใจช้าๆ
“ฉัน…ขอ ….”มาร์ธาร์พยายามเอ่ยบอกกลีบปากที่ค่อยๆแข็งกลายเป็นต้นไม้ของเธอ ก่อนจะหลับตาลงรับความตาย ภาพต่างๆในชีวิตไหลเข้ามาในหัวราวกับหวนรำลึกความทรงจำเป็นครั้งสุดท้าย ภาพที่เธอพบรักกับฮาเดส ในวันที่คลอดคริสออกมา ตอนที่อุ้มลูกหนีเพอร์เซโฟเน่ ตอนที่ถูกพามาหลบซ่อนอยู่กับโพไซดอน และตอนสุดท้ายภาพที่เธอคร่ำครวญให้คริสฟื้นขึ้นมา….
ตลอดทั้งชีวิตเธอมีเพียงคริส ลูกชายเพียงคนเดียวของเธอ เขาคือสิ่งอัศจรรย์ที่สุดในชีวิต ที่ทำให้เธอรู้ว่าเธอเกิดมาเพื่อใคร อยู่เพื่อใคร และตายเพื่อใคร…
หนึ่งชีวิตของแม่ ไม่สำคัญเท่าหนึ่งชีวิตของลูก
หากการตายของแม่ ทำให้ลูกได้มีชีวิตอยู่ต่อ
แม่ก็ยินดี…
“ไประลึกความผิดของเจ้าในนรกเถอะ!!!”
พรึ่บ!!!
ฉับพลันนั้นห้องทั้งห้องก็มืดครึ้ม ม่านหมอกสีเขียวถูกหมอกควันสีดำกลืนกิน กลิ่นหอมอบอวลถูกแทนที่ด้วยกลิ่นไอแห่งความตายที่รุนแรงและทรงพลังกว่าของคริส กาลเวลาถูกเหนี่ยวรั้งให้หยุดนิ่ง ทุกสรรพสิ่งเหมือนถูกย้อนเวลาให้เน่าเปื่อย เถาวัลย์และต้นไม้ปีศาจที่เกือบจะกลืนหัวใจของมาร์ธาร์ชะงักอยู่เพียงเท่านั้น ก่อนที่มันจะค่อยๆสลายกลายเป็นผุยผง
“เจ้าต่างหากที่ควรระลึกความผิดของตัวเอง เพอร์เซโฟเน”เสียงอันทรงพลังถูกเปล่งออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบหากแต่ แววตาที่จ้องมองกลับอัดแน่นไปด้วยเพลิงพิโรธจากขุมนรก ที่แม้แต่พลังแห่งชีวิตก็มิอาจเหนี่ยวรั้ง…
“….ฮาเดส”
เมื่อความพิโรธแห่งผืนพิภพอุบัติขึ้น ชีวาจะมอดม้วย วิญญาณจะปั่นป่วน ทุกอย่างจะดับสูญ
“เรื่องนี้มันควรจะจบได้แล้ว ถึงเวลาที่เจ้าควรเข้าใจความเจ็บปวดของนาง เหมือนที่นางเข้าใจเจ้าเสียที” ฉับพลันนั้นบ้านทั้งหลังก็สั่นสะท้าน พื้นไม้ปริแยกถล่มลงไปจนเป็นหลุมลึก เสียงคนร่ำไห้โหยหวนดังกระฮึ่มโสตประสาทจนเขย่าหัวใจให้หวาดผวา วิญญาณนับร้อยผุดขึ้นมาตามรอยแยก พายุสายลมกรรโชกพัดผ่านทุกอย่างให้กลายพังทลาย หมอกควันสีขาวคละคลุ้งไปทั่วบริเวณจนปิดบังการมองเห็นอยู่สักพักหนึ่ง ก่อนที่ทุกอย่างจะค่อยๆเด่นชัดขึ้นอีกครั้ง
ดวงตาสีเขียวมรกตของเทพีสอดส่ายไปรอบๆที่เปลี่ยนไป ห้องเล็กๆที่เคยยืนอยู่กลายเป็นสวนดอกไม้อัญมณีของเธอที่พระราชวังของฮาเดส ร่างของมาธาร์ที่ควรจะอยู่ห่างเธอไปไม่กี่ก้าวกลับหายไป เหลือแต่เธอที่ตอนนี้กลายเป็นร่างโปร่งแสงคล้ายวิญญาณยืนอยู่เพียงลำพังริมสวนดอกไม้ที่เธอรัก
“เจ้าควรได้เห็นอีกด้านหนึ่งของเรื่องราว จากอีกมุมหนึ่งที่เจ้าไม่เคยมอง”เสียงของฮาเดสดังขึ้นด้านหลัง ร่างของสามีโปร่งแสงคล้ายกับเธอจับจ้องใบหน้าของเขาอย่างสงสัย พร้อมกับเอ่ยถาม
“ท่านย้อนอดีตอย่างนั้นหรือ” ฮาเดสพยักหน้าพร้อมกับเอ่ยตอบ
“จงดู”ฮาเดสเอ่ยตอบ ก่อนที่เสียงหนึ่งจะดังขัดขึ้นมาพร้อมกับการปรากฏตัวของใครคนหนึ่ง
“อีกห้านาทีข้าจะได้กลับไปหามารดาของข้าแล้วใช่มั้ย”หญิงรูปงามคนหนึ่งเอ่ยถามใครสักคนที่เดินตามเธอมาด้านหลัง ก่อนเธอจะหันกลับไปสนใจหมู่มวลดอกไม้อัญมณีเบื้องหน้า ที่สวยสดแต่กลับไร้ชีวิตชีวาเพื่อเป็นการบอกลาก่อนที่นางจะต้องจากไปนานถึงหกเดือน
“นั่นมัน….ข้านี่”เพอร์เซโฟเนอุทานกับตัวเองเบาๆอย่างประหลาดใจ แม้เธอจะเป็นเทพเจ้า แต่เธอก็ไม่เคยมีโอกาสได้ย้อนอดีตดูเลย เมื่อประวัติของเธอยาวนานเป็นพันปีจนแทบไม่รู้ว่าเรื่องราวที่อยากเห็นมันอยู่ตรงไหนของช่วงเวลา
“ดูเสีย จุดเริ่มต้นของเรื่องราว”ฮาเดสเอ่ยบอก พร้อมกับชี้ไปที่ภาพเบื้องหน้า ที่ปรากฏร่างของชายวัยกลางคนคนหนึ่งที่ภูมิฐานและน่าเกรงขาม หากแต่ก็ดูอ่อนโยนและอบอุ่นเหลือเกินเมื่ออยู่ต่อหน้าภรรยา
“ทำไมเจ้าถึงได้อยากกลับไปหาดีมิเทอร์นัก ที่นี่ไม่สนุกหรือ”ฮาเดสในอดีตเอ่ยถาม แม้น้ำเสียงจะไม่ดูเศร้าสร้อย แต่ดวงตาดำขลับนั่นกลับแฝงแววทุกข์ทน หากแต่คนด้านหน้าไม่เคยเห็นเลย เพราะไม่เคยหันหลังกลับมามอง…
“ไม่สนุก….และไม่เคยสนุก”เพอร์เซโฟเนเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ก่อนจะย่อตัวชื่นชมหมู่มวลดอกไม้ของเธอด้วยแววตาราบเรียบ เธอรักดอกไม้ แต่นั่นต้องไม่ใช่ดอกไม้ประดิษฐ์พวกนี้ จริงอยู่ที่มันเลอค่า แต่ไม่ได้มากพอจะดึงดูดให้รักษา
ฮาเดสนิ่งไปชั่วครู่ แวบหนึ่งที่ความเจ็บปวดเจืออยู่ในดวงตา แต่สุดท้ายมันก็ถูกกลบเกลื่อนด้วยความรู้สึกอื่น ก่อนที่เขาจะชวนคุยต่อเหมือนกับความเจ็บที่เกิดขึ้นกับหัวใจ เป็นเพียงเรื่องเคยชินที่คุ้นเคยไปเสียแล้ว
“เจ้าทำหน้าที่ดูแลดอกไม้พวกนั้นมาเป็นพันปี ไม่เบื่อหรือ ที่นี่ยังมีอะไรให้เจ้าทำอีกตั้งมากมายนะ ชายาของข้า”
“อย่าใช้คำนั้น หากชายาที่ได้มาเป็นเพราะการฉุดชิงตัว ท่านมหาเทพ”เทพีเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา ในขณะที่ฝ่ามือเรียวกำลังลูบไล้กลีบดอกไม้ทับทิมสีแดงสดสวยที่งดงามแต่กลับแข็งกระด้าง
“……ข้าขอโทษ แต่ฤดูใบไม้ผลิปีนี้ เจ้าอยู่กับข้านานกว่านี้ไม่ได้หรือ”เทพเจ้าอ้อนวอน แม้ไม่มากจนดูไร้ศักดิ์ศรีแต่ก็ไม่น้อยจนไม่เข้าใจว่าต้องการอะไร เทพีถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายก่อนจะเอ่ยตอบโดยไม่แม้แต่จะมองหน้า
“ข้าเบื่อจะคุยกับท่านแล้ว กลับไปทำงานของท่านเถิด ข้าอยากอยู่คนเดียว” ฮาเดสชะงักงันเมื่อได้ฟังคำของเทพี ก่อนที่มหาเทพจะเอือนเอ่ยคำลา เมื่อป่วยการที่จะรบเร้าอยู่ต่อ
“ข้าจะรอวันที่เจ้ากลับมาอีกครั้ง”พูดเพียงเท่านั้น ก่อนจะเดินผละออกมา แล้วหันหลังกลับไปมองชายาของตนที่กลับขึ้นไปยังโลกมนุษย์เพื่อดูแลพืชพันธุ์อีกครั้ง
นางไม่ลังเลเลยสักนิดที่จะจากเขาไป และไม่ตรึกตรองเลยสักครั้งที่จะเหลียวมองกลับมา เหมือนทั้งชีวิตนี้ของนางรอเพียงแค่ช่วงเวลานี้เท่านั้น ช่วงเวลาที่จะจากกันไกล…
จริงอยู่ก็รู้ ว่าเธอไม่รัก แต่ก็คิด ว่าสักวัน อาจหวั่นไหว แต่รอเนิ่นนาน มาหลายกัลป์ ฝันที่วาดไว้…… กลับเป็นเพียงวิมาน…
“เจ้าไม่เคยรักข้าเลยใช่มั้ย เพอร์เซโฟเน…”เทพเจ้ารำพึงรำพันกับตัวเองด้วยน้ำเสียงและสีหน้าที่เศร้าสร้อย ก่อนที่องค์เทพจะเดินหายลับกลับเข้าไปในพระราชวัง โดยมีตัวตนของพระองค์และของพระชายาเดินตามไปด้วย
ฮาเดสในอดีตกลับเข้าไปยังห้องของพระองค์ ก่อนจะทรุดนั่งลงที่เก้าอี้ที่ทำมาจากกระดูกรูปทรงธรรมดาไม่ได้วิจิตรงดงามอย่างเหนื่อยอ่อน พร้อมกับสะบัดมือกลางอากาศอย่างเหนื่อยหน่าย แล้วจ้องมองภาพมนุษย์ที่ใกล้ตายทุกคนบนโลกที่ปรากฏขึ้นบนม่านหมอกเหมือนอย่างที่ชอบทำเวลาที่เหนื่อยอ่อน
“มนุษย์ช่างน่าอิจฉายิ่งนัก เพราะหากไม่สมหวังในรัก พวกเขาก็ทุกข์ทรมานเพียงแค่ชั่วอายุตัวเอง ไม่เหมือนข้าที่ต้องทนไปชั่วกัปล์ชั่วกัลย์”เทพเจ้าตัดพ้อ ก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างอ่อนล้าจนไม่เหลือเคล้าโครงความน่าสะพรึงกลัว และน่าเกรงขามอย่างเทพเจ้า แต่กลายเป็นเพียงผู้ชายคนหนึ่งที่อ่อนล้าจากการวิ่งตามหาความรักที่ไม่เคยได้ และความสุขที่ไม่เคยพบเจอจากหญิงอันเป็นที่รัก เขาเหนื่อยกับการต้องพยายามอยู่ฝ่ายเดียว โดยที่อีกคนไม่เคยสนใจ ไม่เคยรับรู้ว่าเขามีตัวตน หรือเห็นค่าของเขาเลย จนบางครั้งเขายังอดคิดไม่ได้ว่าวิญญาณและงานของเขายังสนใจเขามากกว่านาง อย่างน้อยพวกมันก็ไม่เคยเบื่อหน่ายเขา
“พ่อ! พ่อคะ พ่อได้ยินหนูมั้ยคะ พ่อคะ พ่อต้องอยู่กับหนูสิ พ่อคะ ไม่นะ พ่อ!! อย่าทิ้งหนูไป”เสียงคร่ำครวญของหญิงคนหนึ่งดังขึ้นจนเรียกความสนใจของฮาเดสให้หันกลับไปมอง เบื้องหน้าที่ปรากฏคือหญิงคนหนึ่งกำลังร่ำไห้และเรียกหาพ่อของเธอที่นอนอยู่บนเตียงด้วยความโศกเศร้า หยาดน้ำตาพรั่งพรูอาบแก้มทั้งสอง มือบอบบางเขย่าตัวผู้เป็นพ่ออย่างบ้าคลั่ง แม้ว่าเตียงผู้ป่วยกำลังถูกเข็นออกจากห้องอยู่ก็ตาม
“พ่อคะ! พ่อต้องฟื้นสิ พ่อคะ ได้โปรด ตอบหนูที ถ้าหนูไม่มีพ่อ หนูคงอยู่ไม่ได้ พ่อคะ!!!”
“ใจเย็นก่อนนะครับคุณ ท่านไปดีแล้ว อย่ายื้อท่านไว้เลย”บุรุษพยาบาลปลอบประโลม
“ไม่จริง!!! ทำไม ทำไมต้องเอาพ่อของฉันไป เอาฉันไปแทนไม่ได้หรอ” เทพเจ้าขมวดคิ้วเมื่อได้ยินเนื้อความที่เหมือนจะธรรมดาแต่กับผิดปกติ ก่อนที่เขาจะดูรายชื่อของดวงวิญญาณ และสาเหตุการตาย
คริสโตเฟอร์ วู
สาเหตุการตาย : วิ่งเข้ารับรถชนแทนลูกสาว มาธาร์ วู
“ทำไมต้องพาข้ามาดูมัน!”เพอร์เซโฟเนกล่าวอย่างเดือดดาล
“จงดูเสียเถิด แล้วเจ้าจะเข้าใจ”ฮาเดสเอ่ยบอก ก่อนที่ตัวตนเขาในอดีตจะพูดขึ้น
“นี่ใช่มั้ยที่ทำให้เจ้าเสียใจนัก มาธาร์”เทพเจ้าเอ่ยเบาๆ เสียงร่ำไห้ คร่ำครวญของผู้หญิงตรงหน้าค่อยๆแทรกซึมเข้ามาในจิตใจของเทพเจ้าจนหัวใจค่อยๆสั่นคลอน รู้สึกสงสารผู้หญิงตรงหน้าจับใจ ไหล่เล็กๆของเธอสั่นเทา ดวงตาหวานหยดแดงก่ำจากการร้องไห้ ความโศกเศร้าเขย่าจิตใจของหญิงคนนั้นให้แหลกราน หากแต่ไม่มีใครเลยที่คอยปลอบประโลม จนเทพเจ้านึกเห็นใจลงไปช่วยปลอบโยน อย่างน้อยเธอก็เป็นคนดี และไม่ควรได้รับความทุกข์ระทมเช่นนี้
ฮาเดสลงไปช่วยปลอบประโลมนางยังโลกมนุษย์ โดยหยิบยืมชื่อของพ่อเธอมาเป็นชื่อตัวเอง ใช่…..เขาชื่อคริส และนั่นคือที่มาของชื่อลูกชายของเขาเอง
เขาพยายามให้เธอเข้าใจความตาย และปล่อยวางกับสิ่งที่เกิดขึ้น โดยที่เธอไม่รู้เลยว่าแท้จริงแล้วเขานี่แหละคือเจ้านายเหนือดวงวิญญาณทุกดวง ไม่เว้นแม้แต่พ่อของเธอ…
“นางไม่รู้ว่าข้าเป็นใคร”ฮาเดสเอ่ยบอกเพอร์เซโฟเนที่มองภาพในอดีตอยู่
“ท่านต้องการให้ข้าสงสารนางรึไง ฮาเดส”
“ไม่....ข้าต้องการให้เจ้าเข้าใจนางต่างหาก”
หลังจากนั้น ฮาเดสก็มาพบเจอมาธาร์บ่อยขึ้น แรกๆมาในฐานะเพื่อนที่ต้องการช่วยคลายความทุกข์และเป็นที่ระบายความเศร้า แต่ยิ่งนานวันเข้า ยิ่งได้รู้จักมากขึ้น ความสดใส ร่าเริงของเธอก็ทำให้ความรู้สึกต่างๆของฮาเดสก็เริ่มเปลี่ยนไป จากความสงสารกลายเป็นความชอบ และจากความชอบก็พัฒนาเป็นความรัก….
“วันนี้ใส่สีดำอีกแล้วนะ คริส”มาธาร์ผู้สดใสทักเขาเมื่อเจอกันอีกครั้งที่ร้านกาแฟร้านหนึ่ง
“ฉันชอบ”หญิงสาวขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะแกล้งแซว
“หน้าก็ดุอยู่แล้ว ยังจะใส่สีขรึมอีก กลัวคนเขาไม่กลัวหรือไงจ๊ะ”
“แล้วเธอกลัวฉันมั้ย” ฮาเดสเอ่ยถามตามสิ่งที่สงสัย เจ้าแห่งความตายอย่างเขามีใครบ้างที่ไม่กลัว
“ไม่หรอก คริสอาจจะดูดุ แต่ฉันรู้ว่าจริงๆแล้วคริสไม่ได้เป็นอย่างนั้น คริสน่ะเป็นผู้ชายที่อบอุ่น”หญิงสาวตอบก่อนจะยกกาแฟขึ้นจิบ ถ้อยคำที่เธอพูดค้างอยู่ในโสตประสาทของฮาเดส ไม่เคยมีใครบอกว่าเขาอบอุ่น แม้กระทั่งชายา แต่มนุษย์ตรงหน้ากลับพูดอย่างนั้นน่ะหรอ……
เจ้าจะรู้บ้างมั้ยว่าทำหัวใจของข้าสั่นไหว
เจ้าจะรู้บ้างมั้ยว่าทำใครคนหนึ่งตกหลุมรัก
“ผู้ชายอย่างคริสน่ะ ผู้หญิงคนไหนได้เป็นแฟนคงโชคดีที่สุดในโลกเลยล่ะ”หญิงสาวเอ่ยตอบด้วยท่าทางร่าเริงและจริงใจไร้การปรุงแต่ง พร้อมกับยกกาแฟขึ้นจิบอีกครั้ง หากแต่คำตอบที่ดูธรรมดาของเธอ กับทรงพลังมากกับหัวใจของคนฟัง
ผู้หญิงคนไหนได้เป็นแฟนคงโชคดีที่สุดในโลก
แล้วเธอล่ะ……อยากเป็นผู้หญิงคนนั้นมั้ย
ฮาเดสได้แต่เก็บงำคำถามนั้นไว้กับตัวเอง แม้อยากจะเอ่ยถามไปสักเท่าไร แต่ความละอายต่อเพอร์เซโฟเนและต่อตัวมาธาร์เองก็ยังคงมีอยู่ เขาปล่อยให้คำถามนั้นค้างคาและคอยปั่นป่วนหัวใจโดยตั้งใจจะปล่อยให้ความรู้สึกอันสวยงามนี้เลยผ่านไป แต่ยิ่งนานวันเข้าความรู้สึกก็ยิ่งเพิ่มพูน มาธาร์เติมเต็มในสิ่งที่เขาไม่เคยได้รับ เคียงข้างเขาในยามที่เหงาใจ เป็นแสงสว่างนำทางในยามที่ท้อแท้ เธอทำให้เขารู้จักคำว่ารัก โดยที่เขาไม่ต้อง….รอ และในที่สุดเขาก็อดทนต่อความรักนั้นไม่ไหว…
“มาธาร์…เธอจะรังเกียจมั้ย ถ้าฉันจะขอคบกับเธอ”เขาเอ่ยถามออกไป ขณะที่มาส่งมาธาร์ที่มาส่งเธอที่หน้าบ้าน หญิงสาวเบิกตาโพล่งตกใจ แก้มใสแต่งแต้มด้วยริ้วสีแดง กลีบปากบางฉีกยิ้มเขินอาย เป็นเวลาอยู่ชั่วครู่ที่ทั้งสองยืนนิ่งไม่ตอบอะไร ก่อนที่หญิงสาวจะพยักหน้าตอบเขา แล้วเดินหนีเข้าบ้านไป
แล้ววันนั้นก็คือวันที่เขามีความสุขที่สุด สุขโดยที่ไม่ต้องหลอกตัวเองว่าสุขอย่างที่ทำมาตลอดหลายพันปี แต่เป็นวันที่สุดใจอย่างแท้จริง
เขากับมาธาร์คบกันในฐานะของคนรักกันมาระยะหนึ่ง จนค่ำคืนหนึ่งที่บรรยากาศสุดแสนโรแมนติค และความรักสุขงอมอย่างถึงที่สุด เขาและมาธาร์ก็สานสัมพันธ์ที่แนบแน่น สายใยแห่งความรักเชื่อมสองคนให้กลายเป็นคนคนเดียวกัน หลังจากเหตุการณ์วันนั้นทั้งสองก็ยิ่งแนบชิดและรักใคร่กันมากขึ้น หากแต่ความสุขของคนเรามักไม่จิรังยั้งยืน แม้แต่เทพอย่างเขาก็มิอาจขัดขวางความจริงข้อนี้ไปได้….
วันหนึ่งฮาเดสเดินทางผ่านความมืดมาหามาธาร์ที่สวนสาธารณะตามปกติ ขณะที่เขามาถึงเธอกำลังนั่งชมวิวแสนสวยยามพระอาทิตย์ตกดิน บรรยากาศโดยรอบรมรื่น เย็นสบาย สายลมอ่อนๆพัดผ่านต้องผิวกายให้สดชื่น ฝูงนกพากันบินกลับเข้ารัง ทิวทัศน์เบื้องหน้างดงามราวกับหลุดออกมาจากเทพนิยายเรื่องไหนสักเรื่อง เทพเจ้าเดินเข้าไปหาหญิงสาวที่กำลังจิบน้ำช้าๆ เธอโบกมือให้เขา พร้อมกับส่งยิ้มหวานมาให้ หากแต่จู่ๆเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น
ชี่ ชี่
เสียงคล้ายงูขู่ฟ่อดังมาจากทางด้านข้าง กลิ่นไอปีศาจแผ่ปกคลุมไปทั่วบริเวณ เทพเจ้าตระหนักได้ทันทีว่ากำลังเจอกับอะไร
“คริส ยืนอยู่ทำไมน่ะ มาทางนี้เร็ว วิวสวยมากเลย”มาธาร์ตะโกนร้องเรียก พร้อมกับจะวิ่งมาทางเขา
“หยุดอยู่ตรงนั้น”ฮาเดสเอ่ยบอกเสียงเข้ม
“ทะทำ…”คำพูดทั้งหมดชะงักงันเมื่อเทพเจ้าแผ่พลังเหนี่ยวเวลาให้หยุดอยู่ ณ จุดเวลา และใช้ม่านหมอกปกป้องมนุษย์ที่อยู่บริเวณนั้น ก่อนที่อสูรกายสองตนเดินเข้ามาในระยะการมองเห็น
ปีศาจเพศหญิงตัวสูงขนาดเท่าคน มีผมเป็นงู ฟันแหลมคม และเขี้ยวเล็บยาวปรากฏสู่สายตาของฮาเดส หากแต่เทพเจ้ากลับแสดงสีหน้าเรียบเฉย ไม่ยี่หระใดๆ ราวกับปีศาจสองตัวนี้เป็นเพียงแมลงที่น่ารำคาญสำหรับเขา
“ฮาเดส”สองปีศาจอุทานชื่ออีกฝ่าย ก่อนจะส่งเสียงคำรามขู่ฝ่อให้เกรงกลัว
“พวกเจ้าคือสองพี่น้องกอร์กอยสินะ สธีโนผู้ทรงพลัง และ ยูริอาลีผู้โลดโผน”เทพเจ้าเอ่ยด้วยเสียงทรงพลังมากพอจะทำให้ปีศาจที่น่ากลัวสองตนชะงักงัน ดวงตาคมกริบจ้องมองพวกมันอย่างไม่สะทกสะท้านแม้ว่าหนึ่งคือปีศาจแสนดุร้าย และอีกหนึ่งที่สามารถทำให้สิ่งมีชีวิตกลายเป็นหินได้เมื่อจ้องมอง
“ต่อให้เป็นท่าน ข้าก็ไม่กลัว!!!”สธีโนประกาศกร้าวก่อนที่มันและน้องจะพุ่งเข้าใส่เทพเจ้าเหมือนแมลงโง่ๆตัวหนึ่งที่บินเข้ากองไฟ เทพเจ้าหลับตานิ่งก่อนจะลืมตาโพล่ง ดวงตาสีดำขลับแปรเปลี่ยนเป็นสีทองเจิดจ้า วิญญาณนับพันผลุดขึ้นจะพื้นดิน พร้อมกับพุ่งเข้าใส่และดูดวิญญาณออกจากร่างของปีศาจ
“ข้า ข้า จะ….ฆ่าเจ้า….ฮาเดส!!!..”สธีโนที่ใกล้ตายกู่ร้องอย่างเครียดแค้นเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะสิ้นใจไปพร้อมกับน้องสาวของมัน
“เจ้าจะมาฆ่าทั้งๆที่ไม่มีแม้แต่วิญญาณอย่างนั้นน่ะหรอ หึ เหลวไหลสิ้นดี”ฮาเดสพูดก่อนจะสูบเอาเลือดซีกขวาและซ้ายที่ด้านหนึ่งมีสรรคุณเป็นยาถอนพิษและอีกด้านหนึ่งเป็นยาพิษอออกมาเก็บไว้ในขวดแก้ว จากนั้นจึงคืนสภาพทุกอย่างให้กลับเป็นเหมือนเดิม จะไม่มีใครรู้ว่าเมื่อครู่เกิดอะไรขึ้น และทุกอย่างจะกลับเป็นปกติ….แต่เขา….คิดผิด
ตุ้บ…
แก้วน้ำที่มาธาร์ถือไว้ล่วงหล่นลงพื้น พร้อมกับหัวใจของหญิงสาวที่แหลกสลาย
“นายคือ….คือ….ฮาเดส” เธอพูดด้วยเสียงสั่นเครือ ดวงตาเบิกโพล่งตกใจสุดขีดและคลอไปด้วยหยาดน้ำใส ความจริงที่ค่อยๆกระจ่างในใจกรีดลึกลงไปในหัวใจของเธอช้าๆ……….แฟนของเธอเป็นเทพเจ้า แต่ที่ร้ายกว่านั้นคือ……เป็นองค์ที่มี……….ภรรยาแล้ว
ร่างของเทพเจ้าชะงักงัน พร้อมกับนึกหาสาเหตุที่ทำให้มาธาร์มองทะลุผ่านมนตร์บังตา ทั้งๆที่ที่ผ่านมาเธอกลับไม่เคยทำได้ ก่อนจะตระหนักถึงความผิดพลาดของตัวเองเมื่อย้อนคิดถึงตอนที่ตัวเองใช้พลังแห่งความตาย เขารู้ดีว่าตามปกติพลังของเขาจะส่งผลต่อผู้ที่เคยเฉียดตายมาก่อน แต่โดยส่วนใหญ่มันแค่จะเร่งเร้าให้คนคนนั้นมีสัมผัสที่หก และรับรู้การมีอยู่ของวิญญาณ แต่ไม่เคยมีใครร้ายแรงจนถึงขั้นมองผ่านมนตร์บังตาเหล่านั้นได้……………..แต่มาธาร์เป็นข้อยกเว้น
อาจเพราะคลุกคลีกับเขามากเกินไป หรืออาจเคยตายมาแล้วเป็นช่วงเวลาสั้นๆ หรืออะไรก็ตามแต่ แต่สิ่งเหล่านี้ไม่ควรเกิดขึ้น มันไม่ควรจะผิดพลาด และเธอก็ไม่ควรรู้ความจริง…
“คริส…ฮะ ฮาฮาเดส ท่าน ท่าน….”เธอเรียกชื่อเขาอย่างคนที่สับสนและตกใจสุดขีด สีหน้าตื่นตระหนกของเธอทำให้หัวใจเขาปวดหนึบจนต้องเอื้อมมือไปกุมมือบางนั้นเอาไว้ ความจริงที่ตนเป็นเทพเจ้าไม่ได้ทำให้เขารู้สึกแย่เท่านี้ หากแต่ส่วนเสริมที่บ่งบอกว่าเป็นเทพเจ้าองค์ไหนต่างหากที่ทำให้รู้สึกผิดบาป เพราะหากรู้ว่าเป็นเทพองค์ไหน ก็ย่อมรู้ว่าองค์นั้นมีชายาแล้วหรือไม่…
“ท่าน…ท่าน….มีภรรยาอยู่แล้ว”มาธาร์เอ่ยบอกในสิ่งที่เธอพอจะรู้ถึงตำนานกรีกบ้าง หากแต่ความจริงนั้นกลับทำให้ทั้งคนฟังและคนพูดหัวใจร้าวลาน
เทพเจ้าหลับตาข่มอารมณ์พยายามรวบรวมความแข็งแกร่งที่ตัวเองมีมาตลอดให้กลับคืนมา เพราะในเมื่อเรื่องดำเนินมาถึงจุดนี้แล้ว ไม่มีประโยชน์อะไรที่เขาจะปิดบังต่อไปอีก มาธาร์ต้องรู้ความจริงและเขาก็ต้องยอมรับผลที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้…
“ใช่ ……ฉันมีภรรยาอยู่แล้ว”เทพเจ้าเว้นช่วงก่อนจะพูดต่อ
“เพอร์เซโฟเน//เพอร์เซโฟเน”ทั้งสองเอ่ยออกมาพร้อมกัน ในขณะที่มาธาร์พูดพร้อมกับหยาดน้ำตาที่ร่วงเผาะลงมา แววตาคู่นั้นมองมาที่คนรักด้วยความสับสน เสียใจ และตื่นตระหนก รู้สึกราวกับโลกถล่ม ความฝันพังทลาย เธอกลายเป็นเมียน้อย กลายเป็นผู้หญิงเลวที่แย่งชิงความรักของคนอื่นทั้งๆที่ไม่รู้ตัว….
“ฉันขอโทษ…”
พูดได้แค่นี้หรอ……ฉันขอโทษ
คำสามคำที่เอ่ยออกมา เร่งเร้าให้น้ำตาหลั่งรินมาเป็นสาย ความเจ็บปวดถาโถมเหลือคณา เป็นครั้งแรกที่มาธาร์ร้องไห้ออกมาอย่างหนักหลังจากที่เสียพ่อไป เธอปล่อยให้ตัวเองจมดิ่งอยู่ในความเศร้าเพียงลำพังโดยไร้การปลอบโยนจากฮาเดส ไม่ใช่ว่าเทพเจ้าไม่อยากทำ แต่ระอายเกินกว่าจะแตะต้องสิ่งมีค่าที่สุดของเขา จึงทำได้มีเพียงแค่อยู่ข้างๆจนกว่าจะหยุดร้อง และเอ่ยคำขอโทษต่อความผิดพลาดของตัวเอง
“ขอโทษ…” เธอยกมือบางขึ้นปิดหน้า ปล่อยน้ำตาให้ไหลอยู่อย่างนั้นโดยไม่ปริปากต่อว่า หรือตบตีเขาเลยแม้แต่น้อย
“ด่าฉันเถอะ ตบตีฉันอย่างที่ผู้หญิงคนอื่นทำเถอะ อย่านิ่งอย่างนี้เลย”เทพเจ้าเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงเจ็บปวด หญิงสาวนิ่งไปสักพักก่อนจะค่อยๆปาดน้ำตาออกแล้วสูดหายใจลึก ก่อนจะนั่งนิ่งไป แล้วหันมาตอบเขาด้วยรอยยิ้มเศร้า
“ฉันจะทำร้ายคนที่ฉันรักได้ยังไง”เหมือนหมุดตอกลงกลางหัวใจเทพเจ้า เธอไม่กล้าทำร้ายเขา แต่เขากลับกล้าทำร้ายเธอ
“ฉันขอโทษ…”เทพเจ้าเอ่ยบอกอย่างรู้สึกผิด ดวงตาดำขลับที่มักจะอบอุ่นอยู่เสมอในความคิดของมาธาร์กลับอับแสงและหมองหมนด้วยความเศร้าและนั่นคือสิ่งที่เธอเกลียดที่สุดในชีวิต….คริสของเธออบอุ่น อบอุ่นอยู่เสมอในใจเธอ
“ไม่เป็นไร….อย่าเศร้าเลย ก็….ก็ฉันมาทีหลังนี่เนอะ”มาธาร์กล่าวบอกด้วยน้ำเสียงที่พยายามจะไม่สั่นเครือ
“มาธาร์…”
“อย่าทำเสียงเศร้าสิ นายทำถูกแล้ว ฉะ ฉัน….”คำพูดทั้งหมดขาดห้วงไป เมื่อหยาดน้ำตาตีตื้นขึ้นมาที่ขอบตา หญิงสาวแย้มยิ้มพร้อมกับเงยหน้าขึ้นแล้วปาดน้ำตาออกลวกๆ
“ฉันเข้าใจ ….แค่ได้รัก…กับเทพเจ้าก็เป็นเกียรติแล้ว ฉัน ฉันเป็นผู้หญิงที่โชคดี…ที่สุด….ในโลก”เธอพูดก่อนจะเม้มปากกลั้นเสียงสะอื้น โดยประโยคเดิมที่เธอเคยพูด วันนี้กลับไม่ทำให้ฮาเดสรู้สึกดีใจ แต่กลับทำให้เขาเสียใจอย่างสุดซึ้ง ที่ทำให้เธอเป็นผู้หญิงคนนั้น…
“ต่อไปนี้ก็….อย่าเจอกันเลย…ดีกว่าเนอะ ….ถ้าอีกคนของนายรู้ นาย นายจะแย่…”มาธาร์ยกมือขึ้นปาดน้ำตา พยายามทำตัวเข้มแข็ง ทั้งๆที่หัวใจแหลกสลายไปแล้ว
“มาธาร์…ฉัน ฉัน ฉันขอโทษ ฉันไม่ได้…”
“ไม่เป็นไร ฉันไม่เป็นไร จากนี้ฉันจะบอกทุกคนนะ ว่าฮาเดสไม่ได้น่ากลัวอย่าที่คิด…..เขา…ฮึก เขาเป็นผู้ชายที่ดี ฉัน..ฉันไปดีกว่า เกิด เกิดภรรยาท่านมาเห็นคง คงแย่ ไปก่อนนะ ดูแลตัวเองด้วยนะ”มาธาร์รีบพูดก่อนจะเดินออกมาอย่างรวดเร็ว ฮาเดสและเพอร์เซโฟเนในปัจจุบันเดินตามเธอไป
หญิงสาวเดินมาหลบอยู่หลังต้นไม้ต้นหนึ่งห่างไกลออกไป ก่อนที่เธอจะปล่อยโฮออกมาทั้งหมด รอยยิ้มและการแสดงที่มีพังทลายลงมาจนไม่เหลือชิ้นดี เธอทรุดฮวบลงกับพื้น แล้วฝังใบหน้าตัวเองกับฝ่ามือบางที่สั่นเทา ก่อนจะร้องไห้อย่างคนที่หมดแล้วซึ่งหลักยึด ความรู้สึกราวกับถูกคนที่ตัวเองรักผลักลงมาจากหน้าผา แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ตกลงมาจากเบื้องบน จากนั้นมือบางก็ค่อยๆเลื่อนมาลูบท้องของตัวเอง ก่อนจะพูดประโยคที่ทำคนฟังแทบหยุดหายใจ…
“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร หนูมีพ่อ หนูมีพ่อนะลูก แต่พ่อ…ฮึก…..อยู่กับหนูไม่ได้เท่านั้นเอง”ใช่….เธอกำลังตั้งท้องโดยที่ฮาเดสไม่รู้เรื่อง
“หนูต้องดีใจนะ….พ่อของหนู…เป็นถึงเทพเจ้า…ฮึก….อย่าน้อยใจเขา”
“เขาคือฮาเดส คือเทพผู้ยิ่งใหญ่ เขา…เขามีหน้าที่ต้องทำ เราสองคน……...ต้องเข้าใจนะ”เธอลูบท้องของเธอซ้ำๆอย่างปลอมประโลม ฮาเดสที่เฝ้ามองอยู่หลับตาก้มหน้าหนีจากภาพตรงหน้า หยาดน้ำตาของเทพเจ้าหลั่งรินลงมาเป็นสาย ในขณะที่เพอร์เซโฟเนถึงกับนิ่งเงียบเมื่อเห็นความจริงอีกด้านที่ไม่เคยเห็น…
“ข้าทำผิดต่อเจ้า ผิดต่อเธอ และ………….”ฮาเดสเว้นช่วงก่อนจะมองไปที่ภาพเบื้องหน้าแล้วจึงเอ่ยต่อ
“ผิดต่อลูกชายแท้ๆของตัวเอง”
เพอร์เซโฟเน่เบือนหน้าหนีไปทางอื่น ก่อนจะหลับตาข่มอารมณ์ในจิตใจ ยิ่งรู้ความเจ็บปวดของอีกฝ่าย เธอก็ยิ่งรู้สึกผิดเมื่อรู้ว่าสิ่งที่เธอจะทำต่อจากนี้มันได้ทรมานผู้หญิงคนนี้มากแค่ไหน….
“ผิดต่อลูกชายแท้ๆของตัวเอง” เขาพูดด้วยน้ำเสียงขมขื่น แม้ว่าหลังจากเหตุการณ์นั้นเขาจะรู้ว่ามาธาร์ท้อง และรับคริสมาเลี้ยงยังนรกใต้พิภพก็ตาม แต่ตราบาปที่ยังติดอยู่ในใจก็ยังคงอยู่ไม่จางหายไปไหน และไม่มีวันที่จะเลือนรางไป…
เพอร์เซโฟเน่เบือนหน้าหนีไปทางอื่น ก่อนจะหลับตาข่มอารมณ์ในจิตใจ ยิ่งรู้ความเจ็บปวดของอีกฝ่าย เธอก็ยิ่งรู้สึกผิดเมื่อรู้ว่าสิ่งที่เธอจะทำต่อจากนี้มันได้ทรมานผู้หญิงคนนี้มากแค่ไหน ทั้งพรากคนรัก และลบเลือนตัวตนจากหัวใจของลูกชายแท้ๆของหญิงสาว…
ภาพเหตุการณ์ในอดีตค่อยๆเลือนหายไปก่อนจะถูกแทนที่ด้วยปัจจุบันกาล ห้องทั้งห้องกลับคืนสู่สภาพเดิมราวกับไม่เคยพังทลายมาก่อน หากแต่หัวใจของคนที่ย้อนเวลากลับเปลี่ยนไป…
“เจ้าเข้าใจเรื่องทั้งหมดรึยัง เพอร์เซโฟเน”ผู้ถูกถามนิ่งเงียบไม่ตอบโต้อะไร แต่นั้นก็เพียงพอแล้วสำหรับคำตอบของคำถามที่รอการทำความเข้าใจมากว่าหลายสิบปี
ฮาเดสนิ่งงันไปสักพักก่อนจะเหลือบตากลับไปมองมาธาร์ที่นั่งนิ่งอยู่ที่มุมห้อง ก่อนจะหันไปมองลูกชายที่นั่งอยู่บนเตียง ฉับพลันนั้นเทพเจ้าก็ชะงักงัน เบื้องหน้าที่เห็นไม่ใช่สิ่งที่เขาคาดว่าจะเกิดขึ้น…
คริสอยู่กับซุส มหาเทพเพียงหนึ่งเดียวที่สามารถแทรกแซงการย้อนอดีตของเทพเจ้าองค์อื่น…
“ทำไมไม่บอกผมให้เร็วกว่านี้…”ร่างสูงเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ พร้อมกับหยาดน้ำตาที่ร่วงเผาะลงมา
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น