ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The dark ocean [KrisYeol]

    ลำดับตอนที่ #12 : ตอนที่ 9...คนสารเลว

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.16K
      21
      23 มิ.ย. 56

    ในที่สุดชานยอลก็ต้องกลับไปที่โรงเรียนตามคำขอของคุณป้าคนสนิท แม้ว่าลึกๆเขาจะยังไม่พร้อมที่จะเผชิญกับฝันร้ายเหล่านั้นก็ตาม  เด็กหนุ่มทรุดนั่งที่ม้านั่งหน้าบ้าน พร้อมกับทอดมองท้องทะเลยามเช้าที่ขมุกขมัวด้วยเมฆฝนหลงฤดู พลางปล่อยความคิดไปตามเกลียวคลื่นที่ซัดสาดเข้าใส่โขดหิน และเสียงเวิ้งน้ำที่กำลังตอบรับความเศร้าโศกของเขา ท้องทะเลค่อยๆเปล่งเสียงโหยหวนรำพึงรำพันถึงความทุกข์ทรมานของพวกมันไปพร้อมๆกับเขา ราวกับมันต้องการให้เด็กหนุ่มรู้ว่ามันเองก็เศร้าโศกไม่แพ้กัน
     
     
     
    “ครั้งหนึ่งผืนน้ำเคยเป็นคนมาก่อน”เสียงหญิงวัยกลางคนดังขึ้นที่เบื้องหลังก่อนที่จะปรากฏร่างของคุณป้าเดินออกมาพร้อมกับกล่องขนมสีฟ้า
     
     
     
    “แล้วทำไมน้ำถึงกลายมาเป็นน้ำอย่างทุกวันนี้ครับ” ชานยอลเอ่ยถามเมื่อเรื่องเล่านี้ไม่เคยผ่านหูของเขามาก่อนทั้งๆที่เขาเป็นคนจากสายน้ำเอง
     
     
     
     
    “ตอนเป็นคนนางมีชื่อว่า อควา เธอเป็นคนสะสวย นุ่มนวล แต่อ่อนแอ นางย่อท้อและเสียน้ำตาให้กับเรื่องง่ายๆโดยยังไม่ทันจะได้ต่อสู้เสียด้วยซ้ำ  ทุกครั้งที่ผิดหวังนางก็จะร่ำไห้ร้องขอพรจากเทพเจ้า ด้วยความที่นางเป็นคนดีเทพเจ้าจึงประทานพรให้ทุกครั้ง แต่จวบจนวันหนึ่งเทพเจ้าก็เริ่มหมดความอดทน จากพรที่เคยประทานให้เทพเจ้าก็สาปแช่งให้นางกลายเป็นสายน้ำ พร้อมกับกล่าวทิ้งท้ายไว้ว่า หากเจ้ารักที่จะเสียน้ำตานัก ก็จงเป็นน้ำตาเสียเองเถิด อควากลายเป็นสายน้ำ นางพยายามที่จะเข้มแข็งและต่อสู้ แต่มันก็สายไปเสียแล้ว เทพเจ้าไม่ให้อภัย สุดท้ายนางจึงต้องกลายมาเป็นพื้นน้ำอย่างเช่นทุกวันนี้”เธอเล่าโดยทอดตามองไปยังท้องทะเลที่ค่อยๆถูกหยาดน้ำฟ้าตกลงมา  ในขณะที่ชานยอลนิ่งเงียบคิดตามสิ่งที่เธอจะบอก
     
     
     
     
    “จะเป็นอย่างอควารึเปล่าชานยอล จะเข้มแข็งในยามที่สายไปแล้วรึเปล่า” ชานยอลเม้มปากแน่นก่อนจะส่ายหน้าช้าๆ หญิงวัยกลางคนยิ้มออกมาบางๆก่อนจะเอ่ยตอบ
     
     
     
     
    “ถ้างั้นก็กลับไปต่อสู้กับมันเถอะ”
     
     
     
     
    “ไม่มีอะไรทำร้ายผมได้ ถ้าผมไม่ยอมใช่มั้ยครับ”ชานยอลพูดในขณะที่ก้มมองพื้นไม้
     
     
     
     
    “จ๊ะ ไม่มีอะไรทำร้ายโลมาจอมซนอย่างเราได้หรอก จริงมั้ย” ชานยอลยิ้มออกมาเมื่อถูกเรียกด้วยฉายาสมัยตอนยังเด็กที่เขาชอบวิ่งวุ่นไปทั่วบ้านและหนีหายลงไปในทะเลบ่อยๆ
     
     
     
     
    “ผมจะเชื่อคำของคุณป้า ขอบคุณที่สอนผมนะครับ”พูดพร้อมกับโผเข้ากอดหญิงคนนั้นก่อนจะสูดเอากลิ่นหอมอย่างอบเชยเข้าเต็มปอด
     
     
     
     
    “กลับดีๆนะชานยอล ดูแลตัวเองดีๆด้วย ถ้ามีอะไรก็มาหาป้าได้เสมอนะ”
     
     
     
    “ครับ คุณป้าก็ดูแลตัวเองดีๆเหมือนกันนะครับ”
     
     
     
    “จ๊ะ นี่ขนม กินระหว่างทาง โชคดีนะจ๊ะ”ชานยอลรับกล่องขนมไปก่อนจะเดินลงไปรอรถที่นัดไว้ตรงริมหาดโดยมีคุณป้าเดินมาส่ง
     
     
     
    “เอ่อ คุณป้าครับ นิทานที่คุณป้าเล่า คุณป้าได้ยินมาจากไหนหรอครับ”ชานยอลเอ่ยถามเมื่อสงสัยว่าแม้แต่ตัวเขาเองยังไม่เคยเจอเรื่องเล่าแบบนี้มาก่อน  หญิงวัยกลางคนอ้าปากเตรียมจะตอบแต่เสียงแตรรถก็ดังขึ้นเสียก่อน
     
     
     
     
    ปี๊น ปี๊น
     
     
     
     
    “โทษทีที่มาสาย เอ้าขึ้นรถ เร็วเข้า”ลุงคนขับเอ่ยเร่งเป็นเหตุให้ชานยอลต้องรีบเข้าไปนั่งในรถ อดฟังคำตอบของคำถามที่ตัวเองสงสัย
     
     
     
     
                   รถคันนั้นค่อยๆขับออกห่างจากบ้านริมทะเลสีฟ้าไปเรื่อยๆ จนในที่สุดก็ลับสายตาหญิงวัยกลางคน
     
     
     
     
     
    “ท่านโพไซดอนเป็นคนเล่าให้ฟังน่ะชานยอล”เธอพูดก่อนจะเดินกลับเข้าไปในบ้านเมื่อสายฝนเริ่มตกหนักมากขึ้นเรื่อยๆ ทิ้งไว้แต่ปริศนาที่ชานยอลไม่มีวันได้รับรู้
     
     
     
     
     
     
    -------------------------------------------------
     
     
     
     
     
     
     
      ชานยอลมาถึงโรงเรียนเร็วกว่าที่คิดเพราะรถของคุณลุงคนนั้นขับเร็วและท้องถนนก็ยังคล่องตัวมาก เด็กหนุ่มก้าวลงมาจากรถ ก่อนจะเดินเข้าโรงเรียนทางประตูหลัง เพราะกลัวว่าจะมีอาจารย์คนไหนมาเห็นเข้า เนื่องด้วยโรงเรียนของเขาไม่อนุญาตให้นักเรียนเข้าออกโรงเรียนได้ตามอำเภอใจ ร่างโปร่งเดินลัดเลาะไปตามทางก่อนจะตัดท่าขึ้นไปยังหอพักของตัวเอง ขายาวพาร่างของเจ้าของเดินมาหยุดอยู่ที่หน้าห้องตัวเองลังเลอยู่อึดใจหนึ่ง ก่อนจะเปิดเข้าไปโดยหวังลึกๆว่าจะไม่เจอปีศาจร้ายคนนั้น
     
     
     
     
     
      ภายในห้องว่างเปล่าไร้เงาของชายคนนั้น ก้อนเนื้อที่หน้าอกด้านซ้ายเต้นรัวอย่างลิงโลด ก่อนที่จะกลับมาสู่จังหวะปกติ เด็กหนุ่มล้มตัวนอนลงบนเตียงสีน้ำเงินเข้มของตัวเอง ก่อนจะหลับตานิ่งเหมือนคนเหนื่อยอ่อน พักอยู่ชั่วครู่ แล้วยันตัวลุกขึ้นมาเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมไปเข้าเรียน เพราะวิชาต่อไปเป็นของอาจารย์ที่เมตตาเขาน้อยที่สุดในบรรดาอาจารย์ทั้งหมด
     
     
     
    แอ๊ด
     
     
     
    ประตูตู้เสื้อผ้าถูกเปิดออก ก่อนที่เด็กหนุ่มจะเปลี่ยนชุดแล้วเดินออกจากห้องไปขึ้นตึกเรียน
     
     
     
                       ภายในห้องวุ่นวายไปด้วยเหล่านักเรียนที่พูดคุยและเล่นกันเสียงดังโหวกเหวก เนื่องด้วยตอนนี้เป็นเวลาพัก ชานยอลเดินเข้าไปในห้องก่อนจะทรุดนั่งลงกับที่ของตัวเองที่อยู่ข้างๆไค
     
     
     
    “เฮ้ย ไอ้ชาน กลับมาแล้วหรอ โอเคแล้วใช่มั้ย”ไคร้องทักพร้อมกับกอดคอเพื่อนสนิท
     
     
    “อืม ดีขึ้นแล้ว”
     
     
    “ชานยอล...”เสียงคยองซูที่มาใหม่เรียกชื่อชานยอลด้วยเสียงที่เหมือนคนกำลังรู้สึกผิดจนเด็กหนุ่มเลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงสงสัย
     
     
    “มีอะไรรึเปล่าคยองซู”
     
     
    “ห๊ะ อะ อ๋อ เปล่าๆ ชานยอลหายป่วยแล้วหรอ”
     
     
    “ดีขึ้นแล้วล่ะ”ชานยอลยิ้มตอบตามมารยาท แม้เขาจะไม่ได้สนิทกับคยองซูเท่าไร แต่ก็ไม่ได้มารยาททรามจนต้องทำตัวเหินห่างออกมา
     
     
    “แล้วนี่กินไรมายังวะ”ไคเอ่ยถามพร้อมกับดูนาฬิกาที่บ่งบอกว่าตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงแล้ว
     
     
    “ยังเลย”
     
     
     
    “งั้นลงไปกินที่โรงอาหารกัน  คยองซูนายจะมาด้วยมั้ย”
     
     
     
    “ไม่ดีกว่า พวกนายลงไปกินกันเถอะ”คยองซูตอบเสียงค่อย ก่อนจะเดินไปทรุดนั่งที่ตัวเอง ในขณะที่ไคและชานยอลเดินลงไปยังโรงอาหาร ร่างเล็กมองตามทั้งสองคนด้วยสายตาเป็นกังวลก่อนจะค่อยๆหลับตาลงเหมือนคนกำลังชั่งใจอะไรบางอย่างก่อนจะพูดกับตัวเองเบาๆ
     
     
     
    “ท่านชานยอลกลับมาแล้ว” ลมหอบหนึ่งพัดวูบเข้ามาก่อนที่ดวงวิญญาณดวงหนึ่งจะลอยออกจากห้องไป แม้ร่างเล็กจะมองไม่เห็นแต่ก็รับรู้ได้จากเสียงของต้นไม้ที่กระซิบบอกเขามา
     
     
     
    วิญญาณดวงนั้นไปบอกท่านคริสแล้ว เจ้านาย....
     
     
     
     
    “ขอโทษนะ ผมขอโทษจริงๆ”
     
     
     
     
     
     
    ------------------------------------------
     
     
     
     
     
     
     
          สองร่างที่เดินกอดคอกันลงมายังโรงอาหารกำลังเลือกซื้ออาหารจากรายการเมนูที่โชว์อยู่บนหน้าร้านต่างๆ ก่อนจะตัดสินใจเดินเข้าไปซื้อยังร้านหนึ่งที่มีคนต่อคิวน้อยที่สุด  ชานยอลสั่งอาหารจานโปรดของตัวเองก่อนจะเดินถือถาดอาหารไปนั่งรอที่โต๊ะ ไม่นานนักไคก็เดินตามมาพร้อมกับคำสบถด่ารุ่นน้องที่เดินชนจานข้าวของเขาจนหกออกมาเลอะเสื้อนักเรียน
     
     
     
     
    “ดูมันดิ ชนแล้วก็ไม่ขอโทษ”ไคว่าพร้อมกับชี้เสื้อที่มีรอยคราบอาหารติดอยู่อย่างหงุดหงิด
     
     
     
    “ไปล้างดิ เดี๋ยวฉันไปซื้อน้ำให้ จะเอาน้ำอะไร”
     
     
     
    “ไม่ต้องๆ ยังไงก็ต้องเดินไปล้างอยู่แล้ว เดี๋ยวซื้อมาให้เลยแล้วกัน”
     
     
     
    “โอเคๆ โค้กแก้วหนึ่ง”ไคพยักหน้ารับก่อนจะเดินออกไปด้วยท่าทางไม่สบอารมณ์ ตอนนี้จึงเหลือชานยอลนั่งอยู่ที่โต๊ะเพียงลำพัง ร่างโปร่งหยิบตะเกียบขึ้นมาเขี่ยราเมนในชามเล่น ก่อนจะขมวดคิ้วเมื่อราเมนที่เขากำชับว่าห้ามใส่ของทะเลดันมีกุ้งปนอยู่ในชาม เปลือกตาบางหลับลงอย่างข่มอารมณ์ก่อนจะหยิบกุ้งออกมาวางไว้ข้างนอก สาเหตุที่ไม่กินของทะเลทั้งหมดเป็นเพราะหนึ่งคือแพ้ สองคือพวกมันคือเพื่อนของเขา จะให้เขากิน เขาทำไม่ได้จริงๆ
     
     
     
     
        ทันทีกุ้งตัวสุดท้ายถูกวางลงบนทิชชู่ เสียงจานกระทบโต๊ะก็ดังขึ้น พร้อมกับเสียงเสียงหนึ่งที่เขาไม่อยากได้ยินมากที่สุดตอนนี้
     
     
     
     
     
    “พี่ขอนั่งด้วยคนได้มั้ยครับ” ชานยอลมองไปที่แขกผู้มาใหม่ ความกล้าที่ถูกสั่งสอนมาจากคุณป้าดูจะพังทลายหายไปทันทีที่มาเจอปีศาจร้ายตัวจริง
     
     
     
    “คริส...”ร่างโปร่งเอ่ยด้วยเสียงเบาหวิว ก่อนจะจับจ้องไปที่จานอาหารของร่างสูงที่เต็มไปด้วยอาหารทะเล...
     
     
     
    “นั่นไม่กินกุ้งหรอครับ ทำไมไม่บอกพี่ นั่นของชอบพี่เลยนะ” น้ำเสียงและท่าทางที่ดูสุภาพเรียบร้อยสง่างามราวกับเทพบุตรถูกแฝงไปด้วยมัจจุราชร้ายที่ฆ่าคนได้ด้วยคำพูด
     
     
     
     
     
     
        ชานยอลนั่งตัวแข็งทื่อกำตะเกียบในมือแน่น รู้ดีที่สุดว่าประโยคสามัญธรรมดาของคริสหมายถึงอะไร ร่างสูงจงใจจะทำร้ายจิตใจของเขาด้วยการฆ่าเพื่อนของเขาต่อหน้าต่อตาภายใต้หน้ากากที่ดูดีของรุ่นพี่ประธานนักเรียน
     
     
     
     
    “ออกไป”น้ำเสียงสั่งที่สั่นระริกไม่ทำให้คริสรู้สึกกลัวแต่กลับทำให้ร่างสูงรู้สึกสนุกมากยิ่งขึ้น
     
     
     
    “พี่รู้ว่าเราไม่ชอบพี่ แต่พี่ไม่มีที่นั่งแล้วจริงๆ ขอนั่งกับน้องชานยอลหน่อยนะครับ”ชานยอลเพิ่มแรงที่กำตะเกียบขึ้นอีกจนเล็บจิกเข้าไปในเนื้อ เด็กหนุ่มยันตัวลุกขึ้นยืน เตรียมจะลุกหนีเดินไปนั่งที่อื่นแต่ก่อนไม่เคยคิดหนีใคร ไม่เคยต้องยอม แต่สำหรับคนคนนี้ เขาทนร่วมโต๊ะด้วยไม่ได้จริงๆ...
     
     
     
    “เฮ้ย ชานจะไปไหน อ้าว รุ่นพี่คริส  สวัสดีครับ”ไคที่กลับมาพอดีร้องทักก่อนจะหันกลับไปทักทายคริสตามมารยาท
     
     
     
    “ฉันไม่อยากกินแล้ว ขึ้นห้องเถอะ”ไคเหลือบตามามองที่คริสทันทีราวกับรู้ว่าคริสเป็นตัวต้นเหตุที่ทำให้เพื่อนของเขามีอาการแบบนี้
     
     
     
    “เกิดอะไรขึ้นหรอครับ”
     
     
     
    “พี่แค่จะขอนั่งกินข้าวด้วยหน่อยน่ะ พอดีโต๊ะมันเต็ม แต่ถ้าเพื่อนของเราคงไม่อยากให้พี่ร่วมโต๊ะด้วย พี่ไปก็ได้นะ” จริงอย่างที่คริสว่าตอนนี้โต๊ะโรงอาหารเต็มหมดแล้ว แล้วถ้าจะให้รุ่นพี่ลุกออกไปตอนนี้มันก็คงจะเป็นการเสียมารยาทไม่น้อย ไคเหลือบมองชานยอลอย่างชั่งใจก่อนจะพูดออกมา
     
     
     
    “ให้พี่คริสเขานั่งด้วยเถอะ”ชานยอลมองจานอาหารของคริสและเจ้าของมันเล็กน้อยก่อนจะตอบ
     
     
     
    “ฉันจะขึ้นห้อง”
     
     
     
    “กินแล้วค่อยขึ้น หน้านายดูไม่ดีเลยนะ ฉันไม่อยากแบกนายไปห้องพยาบาลเป็นรอบที่สองอีกนะ”
     
     
     
     
    “น้องชานยอลตัวหนักหรอครับ พี่ว่าไม่นะไค”คริสพูดด้วยน้ำเสียงธรรมดา แต่เจตนาจงใจให้ชานยอลนึกถึงเรื่องครั้งนั้น ร่างโปร่งยืนสั่นระริกอยู่อย่างนั้น โดยไม่มีท่าทีว่าจะนั่งลง จนไคต้องกดไหล่ให้นั่งลงกับเก้าอี้ แล้วยัดตะเกียบใส่มือเรียว  
     
     
     
     
     
        คริสค่อยๆกินข้าวของตัวเอง  เขาค่อยๆตัดกุ้ง ปลาหมึก และปลาออกเป็นชิ้นพอดีคำหลายชิ้นแล้วกินอย่างช้าๆ โดยทุกครั้งที่ตักเข้าปาก ตาคมกริบก็จะจับจ้องมาที่ร่างโปร่งด้วยราวกับต้องการจะท้าทาย ชานยอลมองภาพตรงหน้าด้วยแววตาที่สั่นระริก   ใบหน้าซีดเผือดไร้สีเลือด เพื่อนพ้องของเขาค่อยๆถูกกินไปทีละตัว ทีละตัว   โดยหนึ่งในนั้นเขาอาจจะเคยแหวกว่ายกับมันใต้ท้องทะเล เคยพูดคุยเล่นกับพวกมันก็ได้
     
     
     
     
     
    “อาหารร้านนี้อร่อยดีนะครับ เห็นว่าเพิ่งมาเปิด พี่เลยลองซื้อดู วันหลังน้องๆลองกินดูบ้างนะ”คริสแนะนำพร้อมกับชี้ไปทางร้านที่ตัวเองซื้อมา  ชานยอลที่เผลอมองตามถึงกับตกใจจนทำตะเกียบตกลงพื้น…
     
     
     
     
    ภาพที่เห็นคือสัตว์น้ำเป็นๆที่กำลังแหวกว่ายอยู่ในตู้รอเวลาตาย
     
     
    ดังนั้นสัตว์ทุกตัวที่อยู่ในจานของคริส...
     
     
    ก็มีชีวิตอยู่เมื่อหลายนาทีก่อน
     
     
     
     
    ภาพเหตุการณ์ในห้องแล็บชีวะฯย้อนกลับเข้ามาในหัวอีกครั้ง ความเจ็บปวดของสัตว์น้ำ เสียงร้องขอความช่วยเหลือของพวกมัน ลมหายใจที่ค่อยๆขาดห้วงถูกกรอกลับไปกลับมาในหัว ตอกย้ำความผิดพลาดของเขาอีกครั้ง ร่างโปร่งตัวสั่นระริก น้ำตาคลอหน่วงอยู่ที่เบ้าตานึกสงสารสัตว์ที่อยู่ในจานของคริส และก่นด่าตัวเองที่ช่วยพวกมันไม่ได้อีกครั้ง
     
     
     
     
    “ชานยอล เป็นอะไร”เสียงของไคเหมือนจะดังอยู่ไกลเกินกว่าที่ชานยอลจะรับรู้ มือเรียวกำเข้าหากันแน่น ดวงตาสั่นระริกเหมือนคนสติหลุด
     
     
     
     
    “น้องชานยอล โอเครึเปล่าครับ”คริสเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเสแสร้งว่าเป็นห่วง ชานยอลเหลือบตามองก่อนจะลุกพรวดเดินออกไป หัวใจของเขากำลังกระตุกวูบไหว ความกลัวถาโถมเข้ามามากกว่าครั้งที่แล้ว ครั้งนี้พวกสัตว์น้ำไม่ได้ถูกนำมาทดลองแต่ถูกนำมากิน! ซ้ำร้ายเขาจะช่วยมันยังไงในเมื่อถ้าทำลายตู้ปลาพวกมันก็ต้องตายอยู่ดีเพราะขาดน้ำ
     
     
    “สั่งอะไรดีคะ”ชานยอลสะดุ้งเมื่อเสียงแม่ค้าถามเขา มือเรียวบีบเข้าหากันแน่น ก่อนจะส่ายหน้ารัว ตากลมจับจ้องไปที่สัตว์น้ำในตู้อย่างทำอะไรไม่ถูก
     
     
     
    ชานยอล....ช่วยเราด้วย
     
     
     
     
    เสียงสัตว์น้ำร้องเรียกหาพร้อมกับว่ายสะบัดไปมาอย่างร้อนรนกลัวตาย
     
     
     
     
     
    “เอาทั้งหมด”จู่ๆเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นด้านหลังเขา คริสยืนยิ้มละมุนฉาบความดีปกปิดความชั่วร้ายในเบื้องลึก
     
     
     
     
    “ไม่! ห้ามฆ่าเขา”ชานยอลโพล่งขึ้นมาเสียงดัง
     
     
     
    “ลองคุกเข่าก้มหัวขอร้องฉันสิ”คริสกระซิบข้างหูให้ได้ยินกันเพียงแค่สองคน ชานยอลกำมือแน่นอย่างเจ็บใจ เขาจะต้องยอมร้องขอคนที่เกลียดอย่างนั้นน่ะหรอ
     
     
    “ทั้งหมดเลยหรอคะ น้องคริส แล้วจะให้ทำเมนูอะไรดี” เจ้าของร้านถามอย่างสนิทสนม
     
     
     
    “ขอดูเมนูก่อนแปบนึงนะครับ” คริสตอบด้วยสีหน้ายิ้มแย้มก่อนจะก้มลงกระซิบกับชานยอล
     
     
     
    “จะทำยังไงดีล่ะ ชานยอล”
     
     
     
    ชานยอล ชานยอลช่วยด้วย 
     
    พวกเราไม่อยากตาย พาเราออกไปที
     
    ช่วยเราด้วย ช่วยเราด้วย เรายังไม่อยากตาย
     
     
     
     
    “คิดออกรึยังจ๊ะ น้องคริส”
     
     
    ชานยอล! เขาจะฆ่าเราแล้ว
     
    ช่วยเราด้วย ช่วยเราด้วย
     
     
     
    “ผมเอา...”ฉับพลันนั้นชานยอลก็คุกเข่าลงกับพื้น พร้อมกับโค้งศีรษะให้คริส
     
     
     
    “ได้โปรด...”ชานยอลเอ่ยขอร้องเสียงสั่น  การกระทำของร่างโปร่งกำลังเรียกความสนใจจากคนทั้งโรงอาหาร นักเรียนทุกคนต่างจับจ้องไปที่คนทั้งสอง
     
     
     
     
        คริสแสร้งทำหน้าตกใจ ก่อนจะยิ้มออกมาเมื่อคนสมหวังอะไรบางอย่าง
     
     
     
     
    “น้องชานยอล.....”คริสเว้นช่วงก่อนจะพูดประโยคที่ทำให้ชานยอลชาไปทั้งตัว
     
     
     
     
    “สารภาพรักกลางโรงอาหารแบบนี้เลยหรอครับ  แบบนี้พี่เด่นเลยนะครับเนี่ย ลุกขึ้นเร็วๆ” ชานยอลเงยหน้ามองคนตรงหน้าอย่างตกตะลึง มือเรียวสั่นระริกก่อนจะกำแน่น ที่ให้คุกเข่าก้มหัวให้ก็เพื่อที่จะได้ประจานเขาต่อหน้าคนอื่นอย่างนี้น่ะหรอ
     
     
     
     
           เสียงซุบซิบตกใจของคนอื่นๆดังเข้าหูชานยอล สายตาที่ตกตะลึงของพวกเขากำลังบีบอัดให้เขาจมลงไปกับพื้น เข่าที่รองรับน้ำหนักดูจะฝังติดอยู่กับพื้นยากที่จะลุกขึ้น   ทั้งอาย ทั้งโกรธ ทั้งเจ็บใจเกินกว่าที่จะอธิบายออกมาเป็นคำพูด คำๆเดียวที่นึกได้ตอนนี้คือ...
     
     
     
     
    สารเลว
     
     
     
     
    “ลุกขึ้นมาเร็วครับ คนมองกันหมดแล้วนะ”คริสสวมบทเป็นคนดีพยุงเขาขึ้นมา ก่อนจะฉีกยิ้มหวานให้อย่างเสแสร้ง ชานยอลจ้องหน้าอีกฝ่ายอย่างไม่เชื่อสายตา ไม่คิดว่าผู้ชายคนนี้จะเลวได้ถึงขนาดนี้
     
     
     
    “แหม สารภาพรักกันขนาดนี้เลย น้องคริสจ๊ะ ที่สั่งไว้....”
     
     
     
    “อ้อ ขอโทษครับ ผมขอซื้อของสดไว้ทั้งหมดเลยนะครับ ผมจะจ่ายให้มากกว่าราคาในเมนูรวมกันห้าเท่า”แม่ค้าตาโตก่อนจะรีบวิ่งไปทำตามที่คริสบอก ไม่นานนักสัตว์น้ำเป็นๆทั้งหลายก็ถูกจับใส่ถุงพลาสติกมาให้ร่างสูง ก่อนที่เขาจะยื่นมันให้ชานยอล
     
     
     
    “นี่ครับ ที่น้องชานยอลอยากได้”
     
     
    ชานยอล ขอบคุณนะที่ช่วยเรา
     
    ขอบคุณนะ ขอบคุณจริงๆ
     
     
     
    ชานยอลมองสัตว์น้ำในมือก่อนจะเดินออกไปจากบริเวณนั้นอย่างรวดเร็ว อับอายเกินกว่าที่จะทนยืนอยู่ต่อให้คนอื่นเอาเรื่องของตัวเองไปโพนทะนาได้  มือเรียวที่ถือถุงเอาไว้กำแน่นเสียจนข้อนิ้วซีดขาว ปากอิ่มสั่นระริก น้ำตาที่กั้นไว้เมื่อครู่ร่วงเผาะลงมาอย่างห้ามไม่อยู่ คลื่นความพ่ายแพ้และเจ็บใจสาดซัดโหมกระหน่ำบ่อนทำลายความเข้มแข็ง  และพอกพูนความโกรธแค้นในจิตใจให้มากขึ้นจนเขาอยากจะกรีดร้องออกมา
     
     
     
    เลว!!!
     
    เลวอย่างหาที่สุดไม่ได้!!!
     
     
     
     
       มือเรียวยกขึ้นปาดน้ำตาลวกๆ ในขณะที่ขายาวเดินจ้ำอ้าวไปที่บ่อน้ำหลังโรงเรียนเพื่อปล่อยสัตว์น้ำ ถุงพลาสติกถูกเทออก สัตว์น้ำต่างๆได้กลับลงไปแหวกว่ายในเวิ้งน้ำบ้านของพวกมันอีกครั้ง



    ขอบคุณนะ ชานยอล ขอบคุณจริงๆ เราจะไม่ลืมบุญคุณเลย
     
     
     
    “ดูแลตัวเองดีๆนะ”
     
     
     
    “ชานยอลก็เหมือนกันนะ”แล้วพวกมันก็ผลุบหายลงไปใต้น้ำ ชานยอลมองผืนน้ำที่นิ่งสงบอยู่อย่างนั้นเป็นเวลานานก่อนที่จะได้สติเมื่อภาพของเพื่อนสนิทสะท้อนอยู่บนผืนน้ำ
     
     
     
    “ไปเรียนกันเถอะ”ไคเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบไม่ได้ใกล้เคียงกับการเชิญชวน แต่คล้ายจะหาสิ่งที่ทำให้ชานยอลเลิกอยู่ในภวังค์ตัวเองเสียมากกว่า
     
     
     
    “ขึ้นไปเถอะ ฉันไม่อยากเรียน” ไคถอนหายใจ ก่อนจะยืนมองผืนน้ำนิ่ง แล้วไม่พูดอะไรต่ออีก ทั้งสองต่างจมดิ่งอยู่ในภวังค์ของตัวเอง
     
     
     
                ไคเห็นเหตุการณ์เมื่อครู่นี้ทุกอย่าง แล้วก็มั่นใจว่าไม่มีทางที่ชานยอลจะสารภาพรักคริสแน่นอน เขาเป็นเพื่อนชานยอลมานาน รู้ดีว่าชานยอลเกลียดคริสมาตั้งแต่ม.ปลายปีหนึ่ง แล้วจู่ๆจะมาสารภาพรักเนี่ยนะ มันเป็นไปไม่ได้...
     
     
    “ชานยอล....เรื่องรุ่นพี่คริสมันยังไงกันแน่”ไคถามไปตามที่สงสัย เรื่องสารภาพรักคงจะไม่ใช่ แต่แล้วคริสจะพูดแบบนั้นทำไมล่ะ
     
     
    “.................................ขึ้นไปเรียนเถอะไอ้ไค”
     
     
    “มันมีอะไรมากกว่านั้นใช่มั้ย”ชานยอลนิ่งไปชั่วอึดใจก่อนจะหันไปตอบ
     
     
    “ไม่มีอะไรหรอก ไปเรียนเถอะ แล้วเจอกัน”
     
     
    กริ่งงงงงงง
     
     
    เสียงกริ่งเข้าเรียนดังขึ้น นักเรียนหลายคนวิ่งออกมาจากโรงอาหารเพราะถูกครูไล่ให้ขึ้นไปเรียน และทันทีที่ฝูงคนขึ้นห้องไป ชานยอลก็หายไปจากตรงนั้นแล้ว  ไคมองที่ที่เพื่อนตัวเองเคยอยู่ก่อนจะพูดออกมาเบาๆ
     
     
     
    “มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่” เขาพูดเพียงเท่านั้นก่อนจะแหงนหน้ามองท้องฟ้าที่เจิดจ้าไปด้วยแสงอาทิตย์ยามเที่ยง  แล้วเดินขึ้นตึกเรียนไป
     
     
             ร่างเล็กเหลือบมองต้นไม้ข้างๆหน้าต่าง พลางคิดว่าถ้าเขาเกิดเป็นพวกมันคงดีกว่านี้ อย่างน้อยเขาจะได้ไม่ต้องมาทำอะไรเลวทรามอย่างการทำร้ายคนอื่นทางอ้อมแบบนี้...
     
     
     
     
    “เดี๋ยวมานะไค ไปเข้าห้องน้ำน่ะ”เขาพูดโดยไม่สบตา ก่อนจะเดินออกจากห้องไป แต่ที่หมายไม่ใช่ห้องน้ำอย่างที่บอก แต่เป็น....
     
     
     
     
     
     
    ห้องของประธานนักเรียน
     
     
     
     
                     คริสกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่บนเก้าอี้ประจำตำแหน่งของประธานนักเรียน โดยมีโอฟิอุสและสุนัขปีศาจสองตัวยืนขนาบข้างอยู่ ภาพประธานนักเรียนผู้บริสุทธิ์ถูกบิดเบือนให้กลายเป็นยมทูตจากความตายที่แสนจะอันตราย ดวงตาคมกริบเหลือบมองแขกผู้มาใหม่เป็นเชิงถามว่ามีธุระอะไร คยองซูเม้มปากชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะจำยอมบอกข้อมูลที่ตัวเองรู้มา
     
     
     
     
    “ท่านชานยอลไม่เข้าเรียน” คริสขมวดคิ้วก่อนจะเอ่ยถาม
     
     
     
    “แล้วไปไหน”
     
     
    “ไม่ทราบครับ แต่ไคบอกว่าเขาน่าจะไปยังที่ที่ปลอดภัยที่สุดที่ไม่เคยมีใครไป”
     
     
    “ปลอดภัยที่สุดงั้นหรอ หึหึ”คริสกระตุกยิ้มร้ายเสียจนทุกคนในห้องเสียวสันหลังวาบ
     
     
    “อยากจะรู้ว่าปลอดภัยเสียจนรอดพ้นฝูงวิญญาณของฉันได้งั้นหรอ” ฉับพลันนั้นดวงตาดำขลับก็แปรเปลี่ยนเป็นสีทองเจิดจ้า  บรรยากาศในห้องสั่นไหว และเริ่มหนักอึ้งด้วยกลิ่นอายแห่งความตายมากขึ้นเรื่อยๆ แสงสว่างจากหลอดไฟในห้องค่อยๆหรี่ลงจนดับไป ฝูงวิญญาณจากทั่วทุกสารทิศต่างมุ่งตรงมายังที่นี่ ทำให้ทั้งห้องเต็มไปด้วยภูตผีที่ร้องโหยหวนและกรีดร้องดังระงมสุดแสนจะน่าสะพรึงกลัว
     
     
     
    “ไปหามาว่าบุตรแห่งโพไซดอนไปหลบอยู่ที่ไหน” สิ้นเสียงคำสั่ง พวกภูตผีก็แยกย้ายลอยล่องออกไปตามหาที่หลบซ่อนของชานยอล...
     
     
     
    “นายหนีฉันไม่พ้นหรอก”คริสยิ้มอย่างเป็นต่อ มั่นใจว่ายังไงก็ต้องรู้ที่หลบซ่อนของชานยอลแน่นอน เพราะ....
     
     
     
     
     
     
    การตามล่าของฝูงวิญญาณ
     
     
    ไม่เคยพลาดเลยสักครั้ง...
     
     
     
     

     
                                    
    Writer Talk :
     
     
     
    ใครที่อยากสกรีมเรื่องนี้ในทวิต ฝากติดแท็ก #ทะเลดำ ด้วยนะทุกคนนน
     
     
    จะด่าคริส เข้าข้างชานยอล อะไรจัดมาเล้ย เราจะตามไปอ่านๆ 5555555
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×