ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    THE DARK OCEAN 2 (HERA'S BLESSING) [KrisYeol]

    ลำดับตอนที่ #1 : ตอนที่1...พรของเทพีเฮรา

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.01K
      3
      21 ธ.ค. 57



    มันเป็นความลับ…


           คริส บุตรแห่งฮาเดสและชานยอล บุตรแห่งโพไซดอนคิดอย่างนั้น พวกเขาทั้งคู่ไม่อยากให้ใครรู้ความลับนี้นอกเสียจากคนที่สนิทกันจริงๆ เพราะเป็นที่รู้กันดีว่ามนุษย์กึ่งเทพทั้งหลายล้วนมีภยันตรายรอบด้าน  ทั้งจากกึ่งเทพด้วยกันเอง หรืออสูรกาย เราไม่มีทางรู้ได้หรอกว่าพ่อหรือแม่ของเราไปสร้างศัตรูไว้ที่ไหนบ้าง พวกเขาชอบสาปพวกคนเลวให้กลายเป็นปีศาจ ชอบฆ่าอสูรกายที่ออกมาอาละวาดพระราชวังของตน หรือแม้กระทั่งกลั่นแกล้งเทพเจ้าด้วยกันเอง เพราะฉะนั้นการไม่ประมาทจึงเป็นหนทางที่ฉลาดที่สุด


         พวกเขาพยายามอย่างยิ่งยวดที่จะปกปิดเรื่องนี้  เพราะนั่นอาจหมายถึงชีวิต ลมหายใจ และจิตใจของพวกเขา พวกเขาคงทนไม่ได้หากต้องสูญเสียความลับนั้นไป มันสำคัญและมีความหมายกับพวกเขามาก….มากพอที่คนคนหนึ่งจะมีได้



         ความลับนี้ไม่ใช่เรื่องของจุดอ่อนเพียงไม่กี่ประการของพวกเขา  ไม่ใช่เรื่องของความผิดครั้งยิ่งใหญ่ที่ให้ใครรู้ไม่ได้  หรือแม้กระทั่งไม่ใช่เรื่องของเวทมนตร์คาถาที่แพร่งพรายไม่ได้ แต่มันเป็นเรื่องของ….สิ่งมีชีวิตเล็กๆที่เปรียบเสมือนแก้วตาดวงใจของพวกเขาทั้งสองคน….




    ----------------------------------------------------------




     ลำดับขั้นตอนในชีวิตคู่ส่วนใหญ่ เมื่อแต่งงานเสร็จ ก็จะไปฮันนีมูน และจบจากฮันนีมูนของฝากที่จะได้กลับมาส่วนใหญ่มักจะเป็นเด็กตัวน้อยๆในท้องของฝ่ายหญิง คู่รักเกือบทั่วโลกแทบจะมีวัฏจักรวงจรความรักแบบนั้น เว้นเสียแต่คู่ของคริสกับชานยอล…



     ไม่ว่าพวกเขาจะไปฮันนีมูนกันสักกี่สิบรอบทุกอย่างก็ยังคงเหมือนเดิม ชานยอลไม่มีลูก ไม่มีเด็ก ไม่มีอะไรเลยอยู่ในท้อง เพราะเขาไม่ใช่ผู้หญิง!!!



     ชานยอลไม่ได้ไม่พอใจกับความรักของคู่ตัวเอง แต่บางครั้งการมีเด็กตัวน้อยๆสักคนสองคนวิ่งเล่นอยู่รอบๆมันก็สนุกดีเหมือนกัน อย่างน้อยเสียงหัวเราะของเด็กๆก็ทำให้คู่ของเขาหายเหงาได้บ้าง  ไม่ใช่หันไปทางไหนก็เจอแต่หน้าคริส คริส คริส หรือไม่ก็ ผี ผี ผี ที่คริสเรียกออกมา ให้มันได้สนุกสนานและร่าเริงขึ้นบ้างก็เท่านั้นเอง


    “คริส….อยากมีลูก”ชานยอลที่นอนซ้อนหลังคริสอยู่บนเก้าอี้ชายหาดพูดขึ้น การเที่ยวที่มีแค่เขากับคริสสองคนในช่วงปิดเทอมใหญ่อย่างนี้ มันช่างเงียบเหงาซะจริงๆ ถ้ามีเด็กตัวน้อยๆด้วยคงจะดีกว่านี้


        ร่างสูงยันตัวขึ้นนั่ง ก่อนจะจับอีกคนให้หันมาประจันหน้า



    “ไม่สบายรึไง”ร่างสูงเอ่ยถาม บางทีการนั่งรับลมทะเลอย่างนี้ อาจทำให้ชานยอลไม่สบาย เลยพูดอะไรแปลกๆอย่างนี้ออกมาก็ได้อีก ร่างโปร่งเบ้ปาก ก่อนจะตอบ


    “ไม่ ปกติดี แต่อยากมี  ดูพวกตัวน้อยๆสิ น่ารักจะตาย”ร่างโปร่งพยักพเยิดไปทางเด็กตัวน้อยๆที่วิ่งไล่จับกันอยู่ข้างๆ ร่างสูงทำหน้าเรียบเฉย ไม่บ่งบอกความรู้สึก ก่อนจะหันมาสบตาอีกฝ่าย


    “นี่เป็นลมแดดรึเปล่า”คริสถามย้ำอีกครั้ง ตั้งแต่ก่อนจะมาที่นี่ชานยอลก็ชอบทำท่าทางแปลกๆ ทั้งชอบมองเด็ก เล่นแต่กับเด็กจนแทบจะลืมเขา แล้วนี่ยังมาพูดจาอะไรแปลกๆอย่างนั้นอีก มันยิ่งผิดปกติ


    “ตลกน่า พูดจริงๆ”คริสยักไหล่ก่อนจะตอบอย่างไม่จริงจังนัก


    “ไปแปลงเพศซะสิ”ชานยอลตีหน้ายุ่งทันทีที่ได้ยินก่อนจะทิ้งศีรษะบนอกอีกฝ่าย


    “ทำได้ที่ไหนล่ะ เราไปรับเด็กมาเลี้ยงได้มั้ย”ร่างสูงเลิกคิ้วก่อนจะตอบ


    “เขาเป็นคนปกติ อยู่ร่วมกับพวกเราได้ยังไง โดยเฉพาะฉัน เด็กจะกลัวมั้ยถ้าลูกน้องของพ่อเป็นผี”ชานยอลหน้าบึ้งหนักกว่าเดิม


    “งั้นก็ไปเอาพวกกึ่งเทพกำพร้ามาเลี้ยงสิ”ร่างโปร่งเถียง


    “มันไม่ง่ายอย่างนั้นนะ ชานยอล”ร่างสูงปรามเสียงเข้ม  ใบหน้านวลยิ่งงอง้ำมากขึ้นกว่าเดิม


    “งั้นก็ไปเอาวิญญาณเด็กมาเลี้ยงก็ได้ไป”


    “ไม่โวยวายน่า ก็อยู่แบบนี้ไปก็ดีแล้วไม่ใช่รึไง”มือหนาลูบผมของอีกฝ่ายเล่นเบาๆ ก่อนจะไล้จมูกโด่งไปตามกรอบหน้าของอีกฝ่าย


    “ท่านเฮราครับ ประทานลูกให้ผมสักคนสองคนเถอะ ถ้าให้ผมนะ ผมสัญญาเลยว่าจะคอยดูแลเขาอย่างดีเลย  ขอร้องล่ะท่านเฮรา”ชานยอลเงยหน้าอธิษฐานกับเทพีเฮรา ชายาแห่งซุส ผู้เป็นเทพแห่งการครองเรือน และคลอดบุตร  ร่างโปร่งเอ่ยบอกก่อนจะเอียงคอหลบเมื่อคริสเริ่มซุกไซร้ร่างกายของเขาหนักขึ้น


    “พอน่า เด็กน้อยอยู่ด้วยนะ”ร่างโปร่งร้องห้ามก่อนจะจับมืออีกฝ่ายที่ทำท่าจะสอดเข้าไปใต้เสื้อของเขาให้หยุด ดวงตาคมจ้องมองดวงตากลมโต ก่อนจะกระซิบเสียงพร่าข้างหู แต่ยังไม่ทันจะเริ่มพูดจู่ๆเสียงหนึ่งก็ดังแทรกขัดจังหวะ


    “เมื่อกี้เจ้าพูดว่าอยากได้บุตรอย่างนั้นหรอ”เสียงไพเราะเสนาะหูที่ทรงพลังเสียงหนึ่งเปล่งขึ้นท่ามกลางสรรพสิ่ง ทุกอย่างในบริเวณนั้นต่างหยุดนิ่งราวกับมีใครมาตรึงยึดเวลาเอาไว้ให้หยุดเดิน แสงสว่างค่อยๆกรีดริ้วท้องฟ้ายามโพล้เพล้ให้แหวกออก ก่อนจะกลืนกินความมืดมิดเข้าไปอย่างช้าๆ ทุกที่ที่แสงสว่างสัมผัสค่อยๆเปลี่ยนเป็นพุ่มดอกไม้ ก่อนที่ทั่วทั้งบริเวณจะกลายเป็นสวนสวยงามคล้ายสวนที่อยู่บนสรวงสวรรค์


    “เมื่อกี้เจ้าพูดงั้นหรอ”เสียงหนึ่งดังขึ้นอีกครั้ง พร้อมกับการปรากฏตัวของเทพีที่งมงามราวภาพวาด เธอสวมชุดสีขาวสะอาดราวขนนก เดินเคียงข้างมาด้วยนกยูงที่งามสง่าตัวหนึ่ง


    “เทพีเฮรา”ชานยอลพึมพำเบาๆ ก่อนที่เทพีจะพูดขึ้นอีกครั้ง


    “เจ้าบอกว่าเจ้าจะเลี้ยงดูเขาอย่างนั้นน่ะหรอ”ชานยอลชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะตอบ


    “ครับ ท่านให้ผมได้มั้ยครับ ผมอยากมีเด็กตัวน้อยๆไว้แก้เหงา”


    “เจ้าแน่ใจแล้วหรือ เด็กที่ข้าจะประทานให้พวกเจ้า อายุขัยของพวกเขาจะไม่เปลี่ยนแปลง ข้าประทานให้เจ้าตอนพวกเขาอายุเท่าไร มันก็จะหยุดอยู่แค่เท่านั้น และเจ้าจะต้องเลี้ยงดูพวกเขาไปตลอดชีวิตของเจ้าด้วย  เจ้าจะรับเลี้ยงดูเขาได้อย่างนั้นหรือ”


    “ได้สิครับ!”


    “ชานยอล…”คริสปรามอีกฝ่าย เขาไม่อยากให้ชานยอลตัดสินใจไปเพราะความคะนองชั่ววูบ


    “ถ้านายไม่เลี้ยง ฉันเลี้ยงเองก็ได้”


    “ไม่ใช่ ฉันไม่อยากให้นายทำอะไรเล่นๆนะ ถ้านายแน่ใจแน่ๆแล้วว่าอยากจะมี ฉันก็พร้อมจะช่วยนายเลี้ยงพวกเขา”


    “ฉันแน่ใจ”ร่างโปร่งเอ่ยตอบ ก่อนที่เทพีจะแย้มยิ้ม


    “พวกเจ้าแน่ใจแล้วใช่มั้ยว่าพร้อมสำหรับการเลี้ยงดูเด็กสองคน”


    “ครับ…ท่านประทานพวกเขาให้พวกเราได้มั้ย”


    “แน่นอน…”ชานยอลยิ้มกว้างก่อนจะหุบยิ้มเมื่อเทพีพูดต่อ


    “แต่ต้องมีข้อแลกเปลี่ยน”


    “อะไรหรอครับ”


    “เจ้าจะต้องแลกเปลี่ยนชีวิตของเด็กสองคนนี้กับหัวใจของพวกเจ้า เจ้ายอมได้หรือไม่”ชานยอลและคริสชะงักไปชั่วครู่ แลกเปลี่ยนกับหัวใจ…


    “แลกเปลี่ยนกับหัวใจ…..”ทั้งสองพึมพำเสียงเบา


    “ใช่ หัวใจของเจ้าจะไปอยู่ที่ตัวเด็กทั้งสองคนละดวง แต่พวกเจ้าจะยังมีชีวิตต่อไปได้เพียงแต่ไร้หัวใจเท่านั้น หากแต่เพลาใดที่เด็กสองคนนั้นตายไป พวกเจ้าจะต้องตายตามไปด้วย เจ้าจะยอมเสียสละหรือไม่”ดวงตาทรงอำนาจจับจ้องมาที่ทั้งสองคน ชานยอลมองหน้าร่างสูงเล็กน้อยก่อนจะหันไปตอบเทพี


    “ผมยอม”ชานยอลเอ่ยตอบอย่างไม่ลังเล เขายอมให้เป็นอย่างนี้มากกว่าที่ลูกจะตายพร้อมกับเขา เพราะถ้าเป็นอย่างนั้น เขาคงรู้สึกผิดที่ชีวิตของลูกต้องมาขึ้นอยู่กับเขา เขายอมให้ชีวิตตัวเองขึ้นอยู่กับลูกเสียยังจะดีกว่า


    “ดี…แล้วเจ้าล่ะ บุตรแห่งฮาเดส”เทพีหันไปถามคริสที่ยืนนิ่งไม่แสดงอาการใดๆออกมา ชานยอลมองตามอย่างลุ้นระทึก  ร่างสูงเปรยตามองคนรัก ก่อนจะตอบสั้นๆ


    “ครับ”คริสตอบรับ สำหรับเขาไม่ว่าจะอยู่หรือตายมันก็ไม่ต่างกัน เพราะความตายไม่ใช่สิ่งน่ากลัวสำหรับเขา


    “พวกเจ้าแน่ใจแล้วใช่มั้ย การตัดสินใจครั้งนี้ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้”เทพีถามย้ำอีกครั้ง เมื่อสิ่งที่ชานยอลขอเป็นเรื่องสำคัญและผิดพลาดไม่ได้


    “ครับ…..ผมแน่ใจ”ชานยอลเอ่ยตอบ ในขณะที่คริสพยักหน้ารับ เทพีแย้มยิ้มก่อนจะเอ่ยตอบ


    “ดี…..งั้นข้าก็จะประทานพรให้กับพวกเจ้า ยื่นมือของพวกเจ้าทั้งสองมาให้ข้า” เทพีเอ่ยบอก ก่อนจะยื่นมือไปรับฝ่ามือของคนทั้งคู่ คริสมองหน้าชานยอลพร้อมกับยิ้มให้เล็กน้อย  


    “ถือเป็นของขวัญจากการครองเรือนเสียเลยแล้วกัน” เทพีเอ่ยบอก ก่อนที่แสงจะค่อยๆเปล่งออกมาจากฝ่ามือของเทพี แล้วแผ่คลุมไปทั่วร่างของคนทั้งสอง  โซ่สีทองเกี่ยวพันคนทั้งคู่อย่างช้าๆ  เทพีปล่อยมือทั้งสองให้เป็นอิสระ ก่อนจะยกมือขึ้นอยู่ระดับอกของคนทั้งคู่ ฝ่ามือของเทพีเปล่งแสงสีทองเรืองรองที่อบอุ่น ผิวเนื้อที่เคยเป็นสีเนื้อกลับโปรงใสจนเห็นหัวใจที่กำลังเต้นอยู่ภายใน  เทพีทาบฝ่ามือลงบนอกของทั้งสอง ฝ่ามือที่เคยอบอุ่นร้อนขึ้นเรื่อยๆจนทั้งสองเจ็บปวด ผิวหนังเหมือนจะไหม้ เลือดในกายเหมือนจะเดือดพล่าน กระดูกเหมือนจะหลอมเข้าด้วยกัน หัวใจเหมือนกำลังจะถูกกระชากออกจากร่างทั้งเป็น



         มือของเทพีค่อยๆจมดิ่งลึกเข้าไปในอกของทั้งสอง ยิ่งเข้าใกล้หัวใจมากเท่าไรความเจ็บปวดก็ยิ่งทวีคูณ ทั้งสองทรมานเสียยิ่งกว่าครั้งไหนๆที่เคยบาดเจ็บ จนถึงขนาดที่พิษของฮาร์ปี้ หรือแม้แต่การลงทัณฑ์ของฟิวรี่ก็มิอาจทัดเทียม    ฝ่ามือของเทพีค่อยๆล้วงเข้ามาในร่างกาย ก่อนจะคว้าเอาหัวใจทั้งสองดวงเอาไว้ ความร้อนแผ่ซ่านไปทั่วร่างเหมือนใครมาเผาพวกเขาทั้งเป็น ก่อนที่เทพีจะกระชากเอาหัวใจออกมาจากร่าง


    “อ๊ากกกกกกกกกกกกกกก”ชานยอลและคริสร้องลั่น ก่อนจะทรุดฮวบลงกับพื้น ความเจ็บปวดรวดร้าวแสนสาหัสจนไม่สามารถบรรยายได้  เทพีกุมหัวใจของทั้งสองเอาไว้  ก่อนที่แสงสีทองจะสว่างเรืองรองอยู่รอบๆแล้วห่อหุ้มหัวใจเอาไว้ ก้อนเนื้อสีแดงฉานค่อยๆลอยออกมาอยู่กลางอากาศ ก่อนจะเปลี่ยนสีและรูปร่างไปทีละนิด  หัวใจด้านบนกลายเป็นศีรษะมนุษย์ ถัดมาเป็นแขน และลำตัวค่อยๆเกิดขึ้น ก่อนที่ขา และเท้าจะค่อยๆตามมา  จากนั้นทารกขนาดเท่าฝ่ามือทั้งสองก็ค่อยๆเติบโตขึ้น เรื่อยๆจากทารก  เป็นเด็กตัวเล็กๆ ก่อนจะหยุดเติบโตเมื่อพวกเขาอายุได้เกือบหกปี เด็กผู้ชายและเด็กผู้หญิงตัวน้อยกำลังนั่งกอดเข่าอยู่ในวัตถุโปร่งใสสีทอง ชานยอลและคริสมองภาพตรงหน้านิ่ง ความเจ็บปวดทรมานหายไปเป็นปลิดทิ้ง ความตื้นตันและดีใจฉายชัดอยู่บนใบหน้าทั้งสองที่ได้เห็น ‘ลูก’เป็นครั้งแรก


    “นี่คือลูกของพวกเจ้า”เทพีเปล่งเสียง ก่อนที่เด็กหญิงตัวน้อยจะลอยมานอนหลับอยู่บนตักของชานยอล และเด็กผู้ชายที่ลอยมานอนบนตักของคริส หยาดน้ำตาค่อยๆไหลอาบแก้มของร่างโปร่ง มือเรียวอุ้มลูกที่เทพีประทานให้ไว้แนบอก


    “ขอบคุณครับท่านเฮรา”


    “จงดูแลพวกเขาทั้งคู่ให้ดี ถ้าเจ้าละเลยพวกเขา วันนั้นพรของข้าจะกลายเป็นคำสาปของพวกเจ้า”เทพีเอ่ยบอก ก่อนที่แสงสว่างจะสว่างวาบขึ้นอีกครั้ง ทั่วทั้งบริเวณกลับมาเหมือนเดิม วัตถุโปร่งแสงสีทองที่ห่อหุ้มเด็กน้อยค่อยๆสลายไป ก่อนที่ดวงตาเล็กๆสองคู่จะค่อยๆลืมตาตื่นขึ้นช้าๆ


    “คุณแม่/คุณพ่อ”ชานยอลกับคริสมองเด็กตัวน้อยที่ร้องเรียกตัวเอง ก่อนที่ชื่อและความสามารถของเด็กชายหญิงคู่นี้จะผลุดเข้ามาในหัวของเขาอย่างไร้ที่มา….เด็กผู้หญิงชื่อโยดา ควบคุมวิญญาณได้เหมือนพ่อ….ส่วนเด็กผู้ชายชื่อโยฟาน ควบคุมน้ำได้เหมือนแม่ และนี่ล่ะคือความลับของพวกเขา ความลับที่จะให้ใครรู้ไม่ได้ เพราะเขากลัวใครจะมาทำร้ายลูกๆ กลัวจะมีคนมาทำร้ายดวงใจของพวกเขาให้เจ็บช้ำ…


    “คุณแม่ขา  คุณแม่ขา พี่โยดาหิวข้าว”เด็กหญิงตัวน้อยกระตุกชายเสื้อเรียก ก่อนจะทำหน้าน่าสงสาร ชานยอลมองเด็กตัวน้อยอย่างทำอะไรไม่ถูกก่อนจะหันไปสบตากับคริสอย่างขอความเห็น ชายหนุ่มยิ้มอบอุ่นให้ก่อนจะตอบ


    “รออะไรอยู่ล่ะ รีบพาลูกไปกินข้าวกัน” เขาบอกก่อนจะหันไปจูงมือลูกสาว ชานยอลหันมาจะจูงมือลูกชาย แต่แล้วเขาก็ต้องร้องเสียงหลงเมื่อโยฟานหายไป!!!


    “พี่โยฟาน!!!” ชานยอลตะโกน ภาพเบื้องหน้าที่เขาเห็นคือโยฟานกำลังควบคุมสายน้ำให้กลายเป็นลูกโลมากระโดดขึ้นมาเล่นบนผิวน้ำ เด็กชายตัวน้อยหันมาโบกมือให้มาก่อนที่เขาจะกระโจนลงไปในทะเล


    “โยฟาน!!!” เป็นอีกครั้งที่ร่างโปร่งร้อง ถึงเขาจะรู้ดีว่าลูกควบคุมสายน้ำได้ แต่เด็กที่ไม่ได้เกิดจากธรรมชาติ ทั้งยังเพิ่งอายุได้แค่ห้าขวบ จะต้านทานคลื่นใต้น้ำได้สักแค่ไหนกัน


    “รออยู่นี่ก่อนนะ” ร่างโปร่งบอกกับคริสก่อนที่เขาจะรีบวิ่งลงไปในทะเล


                คลื่นแรงอย่างที่เขาคิด ชานยอลมองหาลูกใต้น้ำ แต่ทุกอย่างกลับว่างเปล่า มีเพียงฝูงปลาแหวกว่ายไปมาอยู่แถวนั้น  ชานยอลว่ายตรงเข้าไปหา


    “เห็นเด็กผู้ชายตัวเล็กๆผ่านมาแถวนี้บ้างมั้ย”


    “โอ้!! ท่านชานยอล เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้พบท่าน กระผมอัลโอขอรับ” ชานยอลไม่ได้อยากรู้ว่าปลาเสือตัวนั้นชื่ออะไร แต่เขาก็ใจเย็นพอจะถามต่อ


    “เห็นเด็กผ่านมาแถวนี้มั้ย”


    “เด็ก…” ปลาตัวนั้นนิ่งคิดก่อนที่มันจะหันไปถามปลาที่อยู่แถวนั้น


    “เห็นเด็กบ้างมั้ย”  ปลาอีกตัวหันมามองชานยอล ถ้าปลาเบิกตาได้ ตอนนี้ชานยอลก็คิดว่ามันกำลังทำอย่างนั้นใส่เขาอยู่


    “ถ้าท่านหมายความถึงเด็กผู้ชายคนนั้นล่ะก็…” ปลาตัวนั้นพูดก่อนจะใช้คลีบชี้ไปทางด้านหลัง


    “เขาก็มาโน่นแล้ว!!!!” ฉับพลันนั้นฝูงปลาก็ว่ายหนี ชานยอลหันกลับไปมองก่อนจะเจอภาพไม่คาดฝัน



           โยฟานของเขากำลังยืนอยู่บนคลื่นสูงสองมตร แต่ที่น่าตกใจยิ่งกว่าคือใต้ขาของเขาคือลูกฮิปโปแคมปัส สัตว์พาหนะประจำตัวของพ่อเขา  ทั้งสองควบไปตามสันคลื่น ก่อนจะห้อตะบึ่งไปทั่วท้องทะเลจนเกิดเป็นฟองอากาศจำนวนมหาศาล ชานยอลต้องสะบัดแขนไล่พวกมันให้ออกห่าง ก่อนจะควบคุมสายน้ำให้สงบลง


    “ฮี่ ก่อบๆ น้ำนิ่งอีกแล้ว อัปโป้ ควบอีก ควบอีกกกก!!!” โยฟานร้องบอกเจ้าสัตว์วิเศษ(ที่ถูกตั้งชื่อให้เรียบร้อย) ชานยอลสูดหายใจลึก ก่อนจะพุ่งตัวผ่านกระแสน้ำไปตัดหน้าทั้งสองด้วยความเร็วสูง


    “แม่ว่าแม่ยังไม่ได้อนุญาตให้ลูกมาเล่นกับฮิปโปแคมปัสตอนนี้นะ”


    “คุณหม่ามี๊!!!!”  โยฟานเบิกตาโพล่ง ก่อนที่เขาจะ…


    “หนีเร็วอัปโป้!!! คุณหม่ามี๊มา!!!” เจ้าฮิปโปแคมปัสเด็กรีบห้อตะบึง


    “หยุดเดี๋ยวนี้นะ!!” ชานยอลดุก่อนจะล้อมทั้งคู่ด้วยกระแสน้ำวน


    “ห้ามมีใครหนีไปไหนจากที่นี่เด็ดขาด!” โยฟานมองตาปริบๆก่อนจะตอบพาซื่อ


    “พี่ฟานแค่ท่องเที่ยว ท้องทะเลกว้างใหญ่ พี่ฟานอยากมาเห็น” ชานยอลมองด้วยสายตาดุ


    “แต่แม่ยังไม่อนุญาต”


    “งั้นขอพี่ฟานไปเที่ยวหน่อยน้า คุณมี๊น้า” เด็กน้อยออดอ้อน ถึงจะมีสายน้ำกั้นอยู่แต่ชานยอลก็ยังสัมผัสได้ถึงดวงตาสุกใสที่มองอ้อนให้เขาใจละลายอยู่อย่างนี้


    “ไว้วันอื่น วันนี้ต้องขึ้นข้างบนแล้ว พี่โยดากับคุณพ่อรออยู่นะ”


    “พี่โยดา!!! เอาอัปโป้ไปให้พี่โยดาเล่น!!!” เด็กน้อยร้องอย่างตื่นเต้นพร้อมกับตีขาไปมาอย่างกระตือรือร้น


    “ฮิปโปแคมปัสขึ้นบกไม่ได้นะ”


    “ไม่ใช่นะ นี่ไม่ใช่ ฮิปแอมอัส นี่คืออัปโป้” เด็กน้อยรีบอธิบาย เขาจะให้แม่เข้าใจว่าอัปโป้เป็นตัวปัสๆอะไรของแม่ไม่ได้ อัปโป้คืออัปโป้ อัปโป้คือม้าของเขา


    ฮี่~
    อัปโป้ขานรับ ชานยอลส่ายหน้าไปมา


    “พอกันทั้งคนทั้งม้า…………..อัปโป้ของลูกน่ะขึ้นไปไม่ได้ถ้าจะขึ้นต้องใส่กะละมังไป” ชานยอลอธิบายพร้อมกับหลอกล่อให้ทั้งสองว่ายเข้าหาฝั่งเรื่อยๆ


    “งั้นเอากะละมัง  ขึ้นไปเอาแล้วค่อยเอาอัปโป้ใส่ลงไป”


    “ไม่ได้ๆ กะละมัง กะละมัง กะละมังมันจะหนัก มันจะตาย มันจะรับน้ำหนักไม่ไหว” เด็กน้อยขมวดคิ้ว


    “แต่คุณมี๊บอกว่ากะละมังใส่ได้นี่นา”ชานยอลทำหน้าเหรอหราเมื่อนึกเหตุผลต่อไม่ถูก ในขณะที่ลูกก็จ้องเขาตาแป๋ว ไม่ เขาจะไม่ให้ลูกรู้ว่าเขาโกหก ลูกจะไม่เชื่อถือเขาอีก แต่เดี๋ยว เด็กเก่งขนาดนั้นเลยหรอ อายุแค่ห้าขวบจะรู้เรื่องแล้วหรอ โยฟานไม่น่าจะเก่งขนาดนั้น หรือโยฟานจะทำได้  โอ๊ย! เขาไม่รู้ เขาไม่เคยมีลูก!!!


    “คุณหม่ามี๊….” โยฟานเรียกชื่อเขา ก่อนที่อีกเสียงจะช่วยเขาเอาไว้


    “พี่โยฟานนนน พี่โยฟานนนน! พี่โยดาหิวแล้ว!! ไปกินข้าวกับพี่โยดาเร็วววววว!!!” เสียงลูกสาวดังมาจากข้างบน โยฟานรีบพุ่งเข้าไปหาพร้อมกับตะโกนว่า นึกออกแล้วๆ ซ้ำๆ ก่อนที่เด็กน้อยจะสร้างคลื่นขึ้นมาส่งตัวเองให้สูงขึ้นเหนือน้ำ



                โยดาที่อยู่ริมหาดมองภาพคู่แฝดตัวเองพร้อมเจ้าตัวประหลาดอย่างตกใจ เด็กน้อยตัวแข็งทื่อไม่กล้าขยับไปไหน


    “น่ากลัว…”  เด็กน้อยพูดเสียงสั่น


    “ฮัลโหลวววววววว~ นี่เพื่อนพี่ฟานเอง ชื่ออัปโป้~” โยฟานโบกมือให้พร้อมกับตบคอของอัปโป้เบาๆ


    “โยฟาน แม่ว่าพี่โยดากลัวนะ ปล่อยอัปโป้กลับบ้านเถอะ อัปโป้ต้องกลับแล้ว” ชานยอลกระซิบบอก โยฟานตาลีตาลานลงมาจากหลังเจ้าม้าน้อย


    “พี่ฟานต้องไปปลอบพี่โยดาแล้ว อัปโป้กลับบ้านดีๆนะ ไว้วันหลังเรามาเล่นกันใหม่!!” เด็กน้อยว่าก่อนจะขึ้นบกไปหาคู่แฝด


    “พี่โยดา~”


    “เดี๋ยวพี่ฟาน!” ชานยอลร้องห้าม ก่อนที่โยฟานจะตัวแข็งทื่อ แล้ววิ่งกลับมากอดชานยอลแน่น


    “ฮือออออออออออออออออ ผี!!!” เด็กน้อยร้องจ้า เมื่อรอบๆตัวของโยดามีวิญญาณของคนที่ตายอยู่แถวนี้ถูก
    ปลุกขึ้นมาจากพื้นดิน ด้วยเพราะเด็กน้อยกลัวจัดจนเผลอตัวเรียกมันขึ้นมา


    คริสหัวเราะด้วยความเอ็นดูก่อนจะตวัดมือเหนือกลุ่มวิญญาณ ฉับพลันนั้นฝูงภูตผีก็หายไปราวกับมันไม่เคยมีอยู่จริง


    “ลืมตาได้แล้ว ไม่มีอะไรแล้ว”


    “คุณป่าป๊า~” โยฟานร้องก่อนจะรีบวิ่งเข้าไปกอด คริสหัวเราะน้อยๆก่อนจะปลอบลูกชาย ในขณะที่ชานยอลย่อตัวลงนั่งเสมอเด็กหญิงตัวน้อยที่มองท้องทะเลค้าง


    “คุณแม่ขามานี่แล้ว พี่โยดาไม่ต้องกลัวแล้วนะ พี่อัปโป้ไม่ทำอะไรหรอก”


    “แต่เขา เขา เขามีหาง ตัวเขาใหญ๊ใหญ่ พี่โยดากลัว” เด็กน้อยละล่ำละลักบอกพร้อมกับชี้ไปที่ที่เจ้าฮิปโปแคมปัสเคยอยู่ ชานยอลคว้าลูกสาวมากอดไว้


    “เขาน่ารักนะ หนูไม่ต้องกลัว นี่น่ะสัตว์เลี้ยงตัวโปรดของคุณตาเลยน้า ถ้าหนูได้เล่นกับเขาจริงๆหนูต้องชอบเขาแน่ๆ” โยดาผละออกมามองหน้าแม่


    “จริงหรอคะ พี่โยดาจะชอบเหรอ” ชานยอลพยักหน้ารับพร้อมกับยิ้มให้


    “ใช่แล้ว หนูจะต้องชอบแน่ เพราะฉะนั้นไม่กลัวเนอะคนเก่ง” เด็กน้อยพยักหน้าก่อนจะโผเข้ากอดผู้เป็นแม่อีก คริสที่อยู่ด้านข้างเหลือบมามองเป็นเชิงถามว่าลูกเป็นอย่างไรบ้าง ร่างโปร่งแย้มยิ้มให้ก่อนจะแตะหลังโยฟานที่กอดคริสแน่นเบาๆ


    “คนเก่งคนนี้ทำไมขี้แยซะแล้วล่ะ”


    “พี่ฟานไม่ได้ขี้แย พี่ฟานแค่ตกกะใจ” เด็กน้อยเถียงเสียงอู้อี้ คริสยิ้มกับคำตอบของลูกชาย ก่อนจะสอนโยฟาน


    “วิญญาณพวกนั้นไม่ทำอะไรหรอก เขาจะไม่มีวันทำร้ายลูก”


    “แต่เขาเป็นผีนะ”


    “ลูกผู้ชายต้องไม่ขี้กลัวนะครับ” เด็กน้อยเงียบไปเมื่อเจอพ่อสอน ก่อนที่เจ้าตัวยุ่งจะค่อยๆผละออกจากอ้อมกอดช้าๆ  หากแต่ใบหน้าเล็กยังคงบึ้งตึงและเลอะคราบน้ำตาอยู่


    “ถ้าต่อไปพี่โยดาเป็นอะไรใครจะดูแล” โยฟานเบะปาก ก่อนจะเหลือบมองคู่แฝดแล้วค่อยๆปีนลงมาจากอ้อมกอดของพ่อ


    “พี่โยดาไม่กลัวนะ พี่ฟานจะปกป้องพี่โยดาเวลาอยู่ในน้ำเอง” ผู้ใหญ่สองคนอดอมยิ้มไม่ได้กับคำพูดของเด็กน้อย โยดาหันมาหาคู่แฝดก่อนจะตอบ


    “พี่โยดาก็จะปกป้องพี่ฟานเวลาน้าผีมาเหมือนกัน” เด็กหญิงตัวน้อยยื่นมือไปจับมือคู่แฝด ก่อนที่ทั้งสองจะกอดกันแน่น คริสและชานยอลมองอย่างเอ็นดูก่อนจะลูบหัวลูกๆทั้งสองด้วยความรักใคร่


    “เป็นพี่น้องต้องดูแลกัน   ป่ะ มีใครหิวข้าวแล้วบ้าง!!” ชานยอลถาม โยฟานกับโยดายกมือกันแทบไม่ทัน


    “พี่ฟาน!! // พี่โยดา!!”


    “ถ้าหิวแล้ว พวกเราก็ไปกันเลยยยย~” ชานยอลพูดให้สัญญาณ แต่ยังไม่ทันที่เด็กๆจะออกวิ่ง จู่ๆท้องทะเลก็ปั่นป่วน คลื่นถาโถมเข้าสู่ชายฝั่ง สายลมกรรโชกจนต้นไม้บริเวณนั้นลู่ลง  เสียงมหาสมุทรกู่ร้องดังกึกก้อง โยฟานรีบถอยห่าง มือเล็กคว้ามือชานยอลไว้แน่น ในขณะที่ร่างโปร่งกลับมองตรงไปที่ทะเลแล้วแย้มยิ้ม…


    “ท่านพ่อ…”


    “มีข่าวดีทั้งทีอย่างนี้ไม่คิดจะบอกข้าบ้างเลยหรืออย่างไร” เสียงทรงพลังของเทพดังกังวาน ก่อนที่ท้องทะเลจะแหวกออก รถเทียมฮิปโปแคมปัสจะควบขึ้นมาจากใต้สมุทร ที่อยู่เหนือรถคันนั้นคือชายวัยกลางคน ผู้มีเส้นผมยาวประบ่าสีขาว ใบหน้าน่าเกรงขาม เรืองอำนาจในท้องทะเล นัยน์ตาสีน้ำเงินทรงพลังของเขาจับจ้องมาที่พวกเขาด้วยความเอ็นดู บุรุษที่ประจักษ์อยู่ตรงเบื้องหน้านี้ จะเป็นใครไม่ได้ นอกเสียจาก...



    โพไซดอน เทพแห่งมหาสมุทร และบิดาแห่งอาชาไนย

















    Writer Talk : สวัสดี เราเจอกันอีกแล้ววว ครั้งนี้เป็นการกลับมาของคริสและชานยอล แถมมาด้วยลูกๆอีก2คน ฝากติดตามด้วยนะคะ ขอบคุณรีดเดอร์ที่น่ารักทุกคน (โปรยดอกไม้)


    #ทะเลดำ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×