ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Reborn] 1896 - One lie / One kiss

    ลำดับตอนที่ #24 : ≡( episode 22 กลับมาพบกัน

    • อัปเดตล่าสุด 13 มี.ค. 55




               “...ไปอิตาลี”

    หลังจากคำพูดคำนั้น เล่นทำเอาเธอหัวหมุน แถมชายเจ้ายังมีหน้ามาบอกอีกด้วยว่า ตั๋วเครื่องบินเขาโทรไปจองเอาไว้ และเครื่องกำลังจะออกภายในอีกหนึ่งชั่วโมงข้างหน้า

    โรคุโด มุคุโร่ส่งเธอไปฝึกงานที่ฐานทัพวองโกเล่ ทำเอาเธอแปลกใจจนตาแทบถลนออกจากเบ้า เพราะรู้ดีว่าชายหนุ่มไม่ค่อยคบค้าสมาคมกับมาเฟีย ...แต่ทำไม ?

    และนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวต่อไปนี้... หลังจากผ่านไปสิบสองปีล่ะนะ

     

    [ Special Part : Chrome]

    หลังจากเดินลงมาจากเครื่องบินส่วนบุคคลที่ทางวองโกเล่จัดเตรียมเอาไว้ให้โดยเฉพาะ ฉันก็มาอยู่ที่ตึกผู้โดยสารขาออกเพื่อมารอ คนที่ทางแฟมิลี่ส่งมาเพื่อรับ

    สนามบินนามิโมริเปลี่ยนแปลงไปมากหลังจากวันนั้นที่ฉันเดินทางออกไป

    ...ว่าแต่ว่าเมื่อไหร่คนจะมารับฟะ !! (ยังนิสัยเหมือนเดิม -_-;)

    คนสวยรอตั้งห้านาทีแล้วนะยะ !! (นานมากจ้ะ - -)

    ฉันเหลือบมองนาฬิกาข้อมือทองคำแท้เรือนงามภายใต้แบรนด์ดังที่เพิ่งใช้เงินสดซื้อมาเมื่อไม่กี่วันมานี้ ...ก็แหม เรือนนั้นมันเก่ามากแล้วนี่นา (ได้ข่าวว่าหล่อนเพิ่งถอยมาสด ๆ ร้อน ๆเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว)

    ...ก็ยอมรับหรอกนะว่าเคืองท่านมุคุโร่ที่จู่ ๆ ก็มาสั่งให้สาวเพอร์เฟ็คอย่างฉันคนนี้เดินทางไปโรมกะทันหันแบบนั้น แต่มันก็มีข้อดีตรงที่ เรียนฟรี อยู่ฟรี กินฟรี น้ำไม่จ่าย ไฟไม่ต้องออก มีคอร์สสปาผิวหนังส่วนตัว (ข้อนี้มาจากไหน ?) แถมเงินเดือนในแต่ละเดือนยังสูงลิบจนน่าใจหายเสียอีก (อยากจะรู้นักว่าชีทำงานอะไร -_-)

    ...ให้มาร์ค ชัคเคอร์เบิร์ทกับสตีฟ จ็อบส์มาเห็นยังต้องบอกว่า ไฮคลาส’ !!

    ...ว่าแต่เมื่อไหร่ไอ้คนนั้นมันจะมารับฉันสักทีเนี่ย ! คนสวยนั่งไม่ติดแล้วนะยะ !!

                เข็มวินาทียังคงเดินต่อไปเรื่อย ๆ อย่างไม่มีท่าว่าจะหยุด ...เธอมีนัดทำสปาเล็บตอนบ่ายนะ !

                ...ไม่ไหวแล้วอีหรอบนี้ นั่งแท็กซี่ไปบ้านบอสก่อนแล้วกัน

                ...ส่วนเรื่องต่อจากนี้จะเป็นยังไงก็ช่างมันก่อน (ช่างเป็นผู้หญิงที่ดีเหลือเกิน...)

                ฉันยันตัวลุกขึ้นจากเก้าอี้ที่นั่งในอาคารผู้โดยสารขาออกก่อนจะสะบัดหน้าใส่ผู้ชายที่นั่งข้าง ๆ ที่เอาแต่เหลือบมองขาอ่อนของฉันทุก ๆ ห้าวินาทีโดยประมาณ

                ฉันหัวเราะในลำคอเบา ๆ ก่อนจะเดินลากกระเป๋าตัดหน้าเขาออกไป

                ...ไม่สวย ไม่เริ่ด ทำไม่ได้ย่ะ !

    [ Special Part : Chrome] End –

     

    เสียงประกาศเสียงดังดึงเอาความสนใจของโคลม โดคุโร่ที่กำลังเดินหน้าเชิดพกความเริ่ดกลับมาจากอิตาลี่เต็มร้อยต้องหันไปมอง ดวงตาสีม่วงอมน้ำเงินมีแววแปลกใจไม่ใช่น้อย

    (...ขออภัยสำหรับท่านผู้โดยสารทุกท่าน) เสียงหญิงสาวที่เธอคาดว่าคงจะเป็นแอร์โฮสเตสสาวสวยที่ทำหน้าที่ประชาสัมพันธ์เรื่องเรื่อยเปื่อยธรรมดา โคลม โดคุโร่ยืนนิ่งฟังเล็กน้อย ตาขวากระตุกยิก บ่งบอกถึงลางสังหรณ์ไม่ค่อยดี... (ขอเรียนเชิญท่านผู้โดยสาร เที่ยวบินเดี่ยว E 3301 จากสายการบินวองโกเล่แอร์ไลน์ เลขที่นั่ง...) เสียงหวานที่ดูเป็นทางการเงียบหายไป ร่างบางเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ  ...ก็รู้อยู่ล่ะนะว่าเที่ยวบินวองโกเล่แอร์ไลน์ที่ประกาศนั่นมันคือเธอชัด ๆ อย่างไม่ต้องสงสัยอะไร เพราะเธอเป็นผู้โดยสารคนเดียวในเครื่อง แต่จะประกาศแค่นี้จริงอะ ?

    ...ไร้มารยาทชะมัด !! สงสัยจะต้องร้องเรียนทางวองโกเล่เพื่อเช็คมารยาทพนักงานหน่อยของสนามบินในเครือหน่อยแล้วมั้งเนี่ย

    ...แต่เสียงบางอย่างที่แทรกขึ้นมาตอบคำถามแทนได้เป็นอย่างดี

    ( อ๊ะ ทำแบบนั้นไม่ได้นะค...) เสียงที่เธอคิดว่าคงเป็นของแอร์โฮสเตสที่ประกาศเรียกเธอเมื่อกี้ดังขึ้นมาเหมือนไม่ได้ตั้งใจจะให้ได้ยิน คิดว่าที่เสียงไม่ชัดเพราะกำลังตกใจและกำลังพูดกับใครสักคน (แบบไม่ได้จงใจให้ใครได้ยิน) มากกว่า

    ร่างบางเลิกคิ้วแปลกใจ พร้อมกับตาขวาที่เริ่มกระตุกยิก ๆ อีกครั้ง...

    (...หนวกหูชะมัด ทีหลังทำไมไม่ประกาศชื่อพ่อชื่อแม่ยัยนั่นลงไปด้วยเลยล่ะป้า) เสียงผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้นแทน (คุณมาเอายัยนี่ออกไปให้ไกลหูไกลตาทีซิ) น้ำเสียงทุ้มนุ่มมีแววความหงุดหงิดเจือปน (รายงานทางสนามบินด้วยนะว่าทีหลังประกาศชื่อผัวแม่ยายกับเมียน้อยพ่อลงไปด้วยเลย เฮอะ เสียเวลาชะมัด)

    คำพูดจิกกัดสันดานเสียดังขึ้นทางลำโพงของสนามบิน ผู้โดยสารทุกคนเงยหน้าจากสิ่งที่ตัวเองกำลังทำอยู่ คนที่กำลังคุยกันก็หุบปากเงียบทันที

    (เอาล่ะ ผมจะประกาศแล้ว ฟังให้ดี มีครั้งเดียว ส่วนคนอื่น ไม่ใช่เรื่องของคุณ แล้วผมก็ไม่ได้จะประกาศหวยรางวัลที่หนึ่งด้วย ถึงแม้มันจะน่าเสียดายก็ตามเหอะที่ผมซื้องวดที่แล้วไปแล้วมันดันไม่ถูกน่ะ) เสียงทุ้มนุ่มประกาศเสียงดังอีกครั้ง หญิงสาวฟังแล้วแทบจะถอดรองเท้าส้นสูงคู่สวยปาไปกระแทกให้ลำโพงหัก

    ...สรุปแล้วมันจะประกาศหรือสาธยายเรื่องหวยกับชีวประวัติแม่ยายฟระ !!

      (โคลม โดคุโร่ ชื่อเก่านางิ ใส่ชุดสีดำสั้น ยาวกว่าเขตป่าอเมซอนไม่ถึงคืบ อ้วนพุงพะลุ้ย ขาใหญ่เหมือนคากิ พ่อชื่อสมหมาย ยายชื่อสมศรี แม่ชื่อสมสมร ฟัก แฟง แตงโม ไชโย โห่ ฮิ้วว)

    ...เอ่อ =_________=;;

    ...ว่าแต่ว่า สมหมาย สมศรี กับสมสมรนั่นคือใครฟระ =[]=!!

    ...โอเค เอายัยแอร์ไร้มารยาทนั่นคืนมาเถอะพลีส orz…

    (...ชอบกินส้มตำไม่ใส่มะละกอ ต้มยำกุ้งไม่ใส่กุ้ง โย่ว ที่บ้านมีแต่ลอริเอะ เพราะโซฟีมันใส่ไม่กระชับ โย่ว และบางทีก็ใส่กางเกงในซีทรูแบบที่จ๊ะคันหูยังต้องอาย คันหูไม่รู้เป็นอะร๊ายย)

    ...พอเถอะ คนสวยก้มกราบ OTZ

    ...หนูไม่เคยใส่กางเกงในซีทรู แล้วก็ไม่รู้จักจ๊ะคันหูนะ T__T (อันที่จริงต้องถามว่าไอ้คนประกาศมันรู้จักได้ยังไง คือแบบ... พี่จ๊ะแกไปเปิดคอนที่นั่นเรอะ ?)

    ร่างบางยืนอ้าปากค้างอยู่ตรงบริเวณทางออก มือเรียวบางจิกกระเป๋าเดินทางแน่น ความมั่นใจตอนนี้ลดลงไปกว่าครึ่ง ใบหน้าขาวใสขึ้นสีแดงฉ่า หญิงสาวกัดริมฝีปากบางจนเลือดออกซิบ พอมารู้ตัวอีกที สองขาเรียวยาวก็พาตัวเองมาหยุดอยู่หน้าห้องประชาสัมพันธ์เรียบร้อยแล้ว

    ...ไม่รู้หรอกนะว่าไอ้คนประชาสัมพันธ์มันเป็นลูกเต้าเหล่าใคร

    ...แต่ถ้าวันนี้ไม่เล่นงานมัน คนสวยนอนตายตาไม่หลับเว้ย !!

    ร่างบางโยนกระเป๋าเดินทางหลุยส์ วิตตองทิ้งเอาไว้หน้าห้องประชาสัมพันธ์อย่างไร้เยื่อใยแม้ว่ากระเป๋าใบนั้นจะแพงสุดเท้าแค่ไหนก็ตาม หญิงสาวกระชากประตูตรงหน้าให้เปิดออกอย่างรุนแรง

    “มีธุระอะไรไม่ทราบ !!” เสียงหวานใสที่ถูกบีบให้แหลมเล็กจากการตะโกนดังก้องไปทั่วทั้งห้อง เก้าอี้อยู่ตรงหน้า หัวสีดำของไอ้คนไร้มารยาทก็อยู่ตรงหน้า ร่างบางพยายามอดทนไม่ตรงไปดึงหัวไอ้คนต่ำทรามถึงแม้ในใจจะอยากสักแค่ไหนก็ตาม

    “...อันที่จริงบางครั้งก็ใส่บราคัพ B แม้อันที่จริงจะคัพ ฮ ก็ตาม โย่ว (มันมีด้วยเรอะคัพ ’ ? -__-;)” คนตรงหน้ายังคงประกาศอย่างเมามัน (?) ไม่สนใจเธอที่กำลังดิ้นเร่า ๆ อยู่สักนิด

    “หันหน้ามาเซ่ !! นายต้องการอะไรกันแน่” ร่างบางตะโกนอย่างโกรธจัด แถมยังแทบจะกรี๊ดเมื่อผู้ชายตรงหน้าไม่ได้มีท่าทีจะสนใจเธอเลยสักนิด “นี่นาย !! ที่บ้านไม่สั่งไม่สอนหรือไง !! อย่าทำตัวต่ำทรามให้มาก !!

    ...ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะที่เธอรู้สึกว่าเงาสีทะมึนที่ทอดยาวลงมามีแววเยาะเย้ยเธออยู่

    ชายหนุ่มตรงหน้าหัวเราะออกมาเบา ๆ ก่อนจะเอื้อมมือออกไปกดปิดไมโครโฟนที่จ่อปากตัวเองอยู่ “ที่บ้านของผมเป็นยังไง คุณก็เคยเห็นแล้วไม่ใช่หรือไง ?

    ร่างบางขมวดคิ้ว อารมณ์โกรธจัดหายไปชั่ววูบ “ละ แล้วฉันจะไปเคยเห็นบ้านนายได้ยังไง” น้ำเสียงหวานใสเริ่มเจือความไม่แน่ใจทั้ง ๆ ที่เธอเองก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร

     “แล้วถ้าแบบนี้ล่ะ ? จะยังไม่เคยเห็นหรือไปบ้านผมอีกหรือเปล่า?” เก้าอี้หนังตรงหน้าหมุนกลับมาให้เธอเห็นใบหน้าของ คนไร้มารยาท...

    ดวงตาสีม่วงอมน้ำเงินเบิกกว้างทันทีเมื่อได้เห็นใบหน้าของผู้ชายคนนี้...

    ใบหน้าขาวซีดราวกับไร้เลือดมาหล่อเลี้ยง ดวงตาสีดำคมกริบ รวมทั้งเส้นผมสีเดียวกันแต่เหมือนถูกเซ็ตให้ยุ่งทั้ง ๆ ที่ไม่ได้ตั้งใจให้ออกมาเป็นแบบนี้ จมูกโด่งเป็นสันที่รับกับริมฝีปากบางสีกุหลาบสวย

    ...หัวใจของร่างบางสั่นราวกับถูกกระตุกแรง ๆ อีกครั้ง

    ...แรงพอ ๆ กับครั้งนั้น ที่เธอเจอเขาเป็นครั้งแรก

    เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาที่สะกดสายตาของเธอเอาไว้แสยะยิ้มมุมปากออกมาเล็กน้อย “หายไปอิตาลีนานเป็นสิบปี ไม่บอกไม่กล่าวกันเลยนะ” ชายหนุ่มยิ้ม แต่ดวงตาคู่นั้นกลับเย็นชาจนเธอกลัวจับใจ  “เอาเถอะ ผมควรจะพูดว่า ยินดีต้อนรับกลับบ้านสินะ”

    ...คนที่เธออยากลืมมากเท่าไหร่ แต่ก็ยิ่งจำแน่นลงไปมากเท่านั้น

    ร่างสูงยักไหล่ เหมือนคำพูดต่อไปนี้ไม่ได้สำคัญอะไรกับเขาเลยสักนิด “งั้นก็ยินดีต้อนรับกลับบ้านหลังจากหายหัวไปนานพอสมควรนะ...”

    ...คนที่เป็นต้นเหตุสำคัญ ที่ทำให้เธอตัดสินใจเก็บข้าวของภายในเวลาเพียงสิบนาที

    “...โคลม โดคุโร่”

    ...ฮิบาริ เคียวยะ

     

    ...โปรดติดตามตอนต่อไป...

    เย้ ! เสร็จภายในเวลาหนึ่งชั่วโมง (นานบรม)...

    เม้นเม้นเม้นเม้นเม้น *O*


     cinna mon

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×