ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ทองเนื้อเก้า

    ลำดับตอนที่ #62 : จุดจบเจ้าศิลาแลง

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 304
      0
      24 เม.ย. 51

                    รวิคล้อยลงเรี่ยกับสิงขร                                      แสงสะท้อนร้อนแรงแผลงกระจ่าง

    แล้วค่อยค่อยเลือนลับเหมือนจับวาง                                จับจากกลางนภามาสู่ดิน

                    แล้วเปลี่ยนเป็นจันทร์กระจ่างกลางเวหา        ท้องนภาประดับดาวราวงานศิลป์

    พอพลบค่ำคนก็หลับเป็นอาจิณ                                        โอ้ชีวินมนุษย์น้อยต่างนิทรา

    เมื่อสิ้นแสงรวีมาสู่จันทร์ ที่ถูกรายล้อมไปด้วยดวงดาราระยับกระจ่างฟ้า ได้เวลาดำดินไปเหยียบถิ่นศัตรู ทั้งยี่สิบผู้ออกเดินทางมาพร้อมกันที่หน้าวังมณีนพรัตนานครแล้ว ตอนนี้ทุกคนพร้อมกันแล้วใช่หรือไม่ นพคุณว่า ทุกคนต่างพยักหน้า นพคุณเรียกคทาวิศิษฏ์เวทออกมา นพคุณใช้คทานั่นแหวนทางลงสู่พื้นใต้ธรณี แผ่นดินที่นิ่งสงบนั้นสั่นไหวขึ้นพลัน สะเทือนจนเกิดเป็นรอยแยก วชิรารัตน์ พร้อมนะ นพคุณพูด วชิรารัตน์ก็พยักหน้าเป็นการตอบรับ นพคุณโยนคทาให้กับขนิษฐาองค์สุดท้าย วชิรารัตน์รับคทามา

    ใต้ดินนั้น ทุกคนกำลังวิ่งหนีวชิรารัตน์ที่ไล่สาดลังจากคทาใส่ วชิรารัตน์ หยุดเถอะนะ ยังไงเราเป็นพี่น้องกัน อย่ามาต่อสู้กันเลย นพคุณพูด ช้าไปแล้วหละ วันนี้เราจะฝังพวกเจ้าไว้ใต้ธรณีแทน แล้วรา กับ ท่านศิลาแลงก็จะขึ้นไปอยู่ข้างบน คอยเหยียบย่ำพวกเจ้าทุกวันทุกวาร แม้ตายไปแล้ว วิญญาณก็จะไม่ได้สงบสุข ดังเช่นที่พวกเจ้าทำไว้กับท่านศิลาแลง บรรพบุรุษของเรา วชิรารัตน์พูด วชิรารัตน์ ศิลาแลงไม่ใช่บรรพบุรุษของเรานะ น้องของเค้าต่างหากที่เป็นบรรพบุรุษของเรา ถึงเราจะมีเชื้อชาติเป็นยักษ์ แต่ครึ่งหนึ่งก็มีเชื้อชาติเป็นเทพนะวชิรารัตน์ หรือเลือดชั่วในตัวเจ้ามันเข้มข้นกว่า รดามณีพูด หยุดเดี๋ยวนี้นะ เจ้านั่นแหละ ที่หมิ่นบรรพบุรุษของตนเอง วชิรารัตน์พูด ใช่แล้วหละวชิรารัตน์หลานรักของข้า รดามณีพี่เจ้าหมิ่นข้า ไม่ควรมีชีวิตอยู่ต่อไป เจ้าศิลาแลงว่า วชิรารัตน์พยักหน้าพลางควงคาทาแล้วตั้งท่าเตรียมพร้อมที่จะต่อสู้ วชิรารัตน์วาดคทาใส่รดามณีจนล้มลงหมดสติ คนอื่นๆเข้ามาอีกก็ถูกของวชิรารัตน์จนสิ้นสติกันไปเสียหมด

    เจ้าศิลาแลงมองด้วยสายตาที่พอใจ ทว่าเพลานี้เหลือแต่เพียงนพคุณเก้าน้ำ วชิรารัตน์หลานรัก จัดการเจ้านพคุณเสียสิ ศิลาแลงว่า ไม่ดีกว่าเพคะ หม่อมฉันจะให้ท่านศิลาแลงเป็นคนจัดการเองกับมือ ให้สมแค้น วชิรารัตน์ว่า พลางส่งคทาในมือให้กับเจ้าศิลาแลง ศิลาแลงยิ้มรับอย่างพอใจ ทันทีที่คทาอยู่มือเจ้าศิลาแลง พลันเจ้าศิลาแลงก็สาดพลังนั่นใส่นพคุณ นพคุณเรียกคทาวิศิษฏ์เวทออกมารับ เหล่าทุกคนที่แกล้งทำเป็นสยบต่อวชิรารัตน์ก็ต่างพากันลุกขึ้นมาสาดพลังไปรวมกับนพคุณ แม้แต่ตัววชิรารัตน์เองก็เช่นกัน นี่มัน... เกิดอะไรขึ้น เจ้าศิลาแลงพูดด้วยความแปลกใจ อย่าได้แปลกใจไปเลยไอ้ศิลาแลง ในมือเจ้านั้น ไม่ใช่คทาวิศิษฏ์เวทของจริงหรอก เพราะของจริง อยู่ในมือพี่ชายที่สุดรักของเรา วชิรารัตน์พูดจาเย้ยหยัน พญายมทูตมารับเจ้าลงสู่ขุมนรกแล้ว แก้วไพฑูรย์พูด เจ้าศิลาแลง วันนี้เราจะกรุณาเจ้า ให้เจ้าหลุดพ้นจากบ่วงกรรมโดยไว อย่าได้เป็นเวรเป็นกรรมต่อเราเลยนะ ปีตมณีพูด เจ้าศิลาแลงที่ถือคทาปลอมอยู่นั้น มือไม้ก็เริ่มจะสั่นๆแล้ว แล้วก็สั่นแรงขึ้น แรงขึ้นเรื่อยๆจนคทาปลอมหลุดลงจากมือแล้วแตกเป็นเสี่ยงๆ เจ้าศิลาแลงจากร่างกายอย่างมนุษย์กลายเป็นร่างปีศาจทุกคนพยายามเพ่งพลังอย่างเติมที่ไปที่เจ้าศิลาแลง นพคุณโยนคทาวิศิษฏ์เวทขึ้นฟ้าไป แล้วทุกคนก็ช่วยกันสาดพลังไปที่คทาไปสู่เจ้าศิลาแลง ศิลาแลงเริ่มอ่อนแรงทรุดลงแล้ว แต่มันก็ไม่ยอมแพ้สักที ไอศิกามองเห็นก็เห็นทีจะยืดเยื้อ นางจึงเรียกปีกเรียกหางมาติดไว้ เครื่องทรงของนางเป็นอย่างนางกินรีที่สง่างามบินขึ้นฟ้าแล้วร่ายรำด้วยท่วงท่าอันอ่อนช้อยงดงาม ปีกขาวนวลโบกไปมาพลิ้วไหว ลีลาช่างเป็นที่สะกดสายตายิ่งนัก ร่ายรำอยู่กลางเวหาหนึ่งนางนกที่ผินอย่างอิสระ เกิดแสงสีนวลจันทร์เปล่งขึ้นเป็นรัศมีรอบกายนางกินรีนางนั้น รัศมีแผ่ไกลเปิดพื้นธรณีขึ้นไปนางบินร่ายรำไปสู่ดวงจันทร์อันกระจ่างใส พักตราต้องแสงจันทร์เป็นสีนวลทองระยับจับตา ทุกสายตาในเบื้องล่างใต้ธรณีนั้นต่างมองตามขึ้นมาด้วยสายตาอันเต็มไปด้วยความตกตะลึง ภาพนั้นพี่ที่ตรึงสายตาจริงๆ

                    ลีลาร่ายรำฟ้อนบนฟากฟ้า                 สุดโสภาสุภัคผงาดศรี

    สง่างามสมนามกินรี                                                            ดุจเทวีศรีสวรรค์อันโสภา

                    เศวตสีที่ปีกนวลช่างยวนเย้า                              พิศหัตถ์เจ้าอ่อนไหวน่าใฝ่หา

    แสงนวลจันทร์อันจับต้องหนึ่งทองทา                            ที่พักตราหนึ่งมณีศรีสุวรรณ

                    ขยับย้ายกายเยื้อนเจ้าเคลื่อนไหว                      เมื่อพิศไปแล้วใจยิ่งไหวหวั่น

    กายประดับอาภรณ์มีครบครัน                                           เจ้าบินผันสู่จันทร์หนึ่งดารา

                    ประนมกรกรีดนิ้วช่างอ่อนช้อย                        ประหนึ่งพลอยแก้วพระจันทร์ที่ฝันหา

    ประหนึ่งนางอัปสรสรวงสุดา                                           สุพรรณภาหนึ่งอาภรณ์ประดับเดือน

                    ให้บังเกิดไฟโลกันตร์อันแผดเผา                     ศัตรูเราให้มลายอย่าได้เคลื่อน

    ให้เพลิงผลาญผู้อมิตรอย่าบิดเบือน                                  อย่าแชเชือนเคลื่อนคลาดพลาดผิดคน

                    ศิลาแลงถูกเพลิงเผาก็เร่าร้อน                           กลางไฟฟอนหนึ่งเวรกรรมได้นำผล

    ลงกลิ้งเกลือกกระเสือกแสนสุดร้อนรน                         หลีกไม่พ้นต้องชะตาอาสัญไป

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×