ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ทองเนื้อเก้า

    ลำดับตอนที่ #31 : โชคชะตากำหนด นพคุณ...ชีวิตเจ้านั้นมีแต่พลัดพราก

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 312
      0
      13 เม.ย. 51

                    เจ็บใจไอ้คนทรยศจริงๆเพคะ พิมพ์เพทายยืนหันหลังให้กับพระพี่นาง และ พระขนิษฐาที่นั่งอยู่บนแท่นไม้พูดอย่างขุ่นเคืองใจเจ้าขุนกล้าเป็นหนักหนา พี่จะไปพนาวรรษานครกับเจ้า เราจะไปกันสองคนนะ แล้วให้ทหารพาน้องปีตมณีกลับมณีนพรัตนาก่อน กิ่งโกมินทร์พูดพลางลุกขึ้นเดินมาหาน้อง จะไปยังไงเพคะ พิมพ์เพทายหันมาถามอย่างสงสัยนัก พิมพ์เพทาย น้องนั้นไม่รู้อะไร น้องยังไม่เคยเห็นอิทธิฤทธิ์ของแหวนอัญมณีที่พี่เล่าให้ฟัง นอกจากจะทำให้เราเหาะเหินเดินอากาศได้แล้ว ยังมีอิทธิฤทธิ์ในตัวมากนัก กิ่งโกมินทร์พูด เพคะ พิมพ์เพทายพยักหน้า

                    ที่มณีนพรัตนานคร พระตำหนักพระนัดดานพคุณ สามพระนัดดาที่เกิดแต่พญานาคราชเสด็จมาคุยด้วย อยากเห็นไอ้เจ้าปีศาจศิลาแลงที่พี่นพคุณว่าจังนะมณีกาฬ แก้วไพฑูรย์พูด ใช่ๆ พี่นพคุณจะไปช่วยเสด็จแม่บุญธรรมเมื่อไหร่เพคะ พวกเราขอไปด้วยได้ไหม มณีกาฬพูด มณีกาฬ แก้วไพฑูรย์ ถ้าพี่นพคุณเค้าเก่งนักจะไปช่วยเค้าทำไม ก็ให้บุกเดี่ยวไปสิ พระธำมรงค์ของพี่เค้าวิจิตรพิสดารกว่าของพวกเรานี่นา มรกตพูดเสียดสีก่อนที่จะเดินออกไป นพคุณก้มหน้า มรกตคงไมชอบพี่ นพคุณว่า ช่างพี่มรกตเถอะเพคะ แล้ว...พี่นพคุณจะเสด็จไปใต้ดินเมื่อไหร่กัน ตอนนี้เลยดีไหมเพคะ แก้วไพฑูรย์พูด แต่มันอันตรายมากนะ มณีกาฬ แก้วไพฑูรย์... ให้พี่ไปคนเดียวอย่างที่มรกตว่าก็ได้ พี่ไม่เป็นไร แล้วอีกอย่าง เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องของพี่โดยตรง ไม่ใช่เรื่องของพวกเจ้า พี่ไม่อยากให้ใครต้องไปเสี่ยงกับพี่ด้วย นพคุณพูด แต่พวกเราเต็มใจ มณีกาฬ และ แก้วไพฑูรย์ว่าพร้อมกัน

                    ที่พนาวรรษานคร บนต้นไม้ต้นหนึ่ง พระธิดาพิมพ์เพทายสังเกตการณ์อยู่บนนั้น ใต้ต้นไม้ มองไปเห็นอะไรที่ตำหนักเสด็จแม่ไหมน้องพิมพ์เพทาย กิ่งโกมินทร์พูด ว่างเปล่าเพคะพระพี่นาง ไม่มีอะไรเลย พิมพ์เพทายพูดพลางกระโดดลงมาจากต้นไม้ต้นนั้น พี่ว่าไปดูข้างในเลยดีไหม ไม่มีใครไม่ใช่เหรอ เราก็แอบเข้าไป แล้วถ้าเจอเสด็จแม่ ก็ค่อยพาหนีออกมา กิ่งโกมินทร์พูด พิมพ์เพทายพยักหน้าพลางรีบวิ่งไป

                    ที่พระตำหนักพระมเหสีบุษรา พระธิดาน้อยๆสองพระองค์เข้ามา เงียบจริงๆด้วยนะ พิมพ์เพทาย กิ่งโกมินทร์พูด พิมพ์เพทายเดินดูไปจนทั่วให้ เช่นเดียวกับกิ่งโกมินทร์ กิ่งโกมินทร์พบสาส์นใต้พระเขนยจึงหยิบออกมาอ่าน น้องพิมพ์เพทาย กิ่งโกมินทร์เปล่งเสียงเรียก พิมพ์เพทายเดินมาดู กิ่งโกมินทร์อ่านข้อความในสาส์นของพระมารดาในใจ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาสบตาพระขนิษฐาด้วยน้ำตาที่คลออยู่ในดวงเนตรล้นปริ่ม เสด็จแม่ว่ายังไงกันพี่กิ่งโกมินทร์... ทำไมพี่ถึง... พิมพ์เพทายพูดอย่างร้อนรนเป็นห่วงอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น กิ่งโกมินทร์หันมามองพระขนิษฐาน้ำตาที่คลออยู่นั้นไหลริน พิมพ์เพทายน้องพี่... เสด็จแม่... กิ่งโกมินทร์ทรุดตัวลงพลางปล่อยสาส์นนั้นหลุดมือ พิมพ์เพทายยิ่งกลัวหนักรีบคว้าเอาสาส์นนั้นมาดูด้วยตนเอง

                    กิ่งโกมินทร์ พิมพ์เพทาย ปีตมณี ลูกรักทั้งสามของแม่... แม่คงคิดไม่ผิด ว่าพวกเจ้าต้องกลับมาเจอสาส์นนี้ ลูกรัก พนาวรรษานครไม่ควรเป็นของคนเลว เจ้าต้องกลับมาทวงบัลลังก์แห่งนี้คืน ในวันที่เราพร้อม วันที่แข็งแกร่งพอ จำไว้เถิดลูกรัก แม่จำเป็นต้องทิ้งเจ้าไป ศักดิ์ศรีแม่จะต้องไม่หมองหม่น แลตกเป็นทาสของไอ้ขุนกล้า แม่จะไม่ยอมให้มันได้อะไรไปจากแม่เด็ดขาด แม่จึงต้องตัดสินใจเช่นนี้ แม่จึงต้องจบชีวิตของแม่เสีย แม่จะรอนะลูก รอวันที่พนาวรรษานครหลุดพ้นจากเงื้อมือศัตรู แม่จะรอ...

                    ข้อความในราชสาส์นบ่งไว้อย่างชัดเจน ว่าผู้เขียนสิ้นใจไปจากโลกนี้แล้ว ที่พระตำหนักรับรองแห่งมณีนพรัตนา ไม่จริง... ไม่ใช่ไหมเพคะพระพี่นางทั้งสอง ไม่จริงใช่ไหม... ปีตมณีร่ำไห้ ไม่มีคำตอบใดๆจากกิ่งโกมินทร์ และ พิมพ์เพทายมีเพียงสีหน้าที่เจือปนไปด้วยรอยน้ำตา พิมพ์เพทายมีแววตาที่คมกริบคิดเคืองแค้นเจ้าขุนกล้าไม่หาย สักวันเราจะไปเหยียบหน้าไอ้ขุนทรยศให้ได้ พิมพ์เพทายพูดด้วยน้ำเสียงที่แข็งกร้าวทั้งน้ำตา

                    ต่อมาที่พระตำหนักพระธิดานพมาศ พระนัดดาน้อยมณีกาฬ และ แก้วไพฑูรย์กราบลงบนตักพระมารดา ลูกมากราบทูลลาเพคะ มณีกาฬพูด มรกตที่ยืนอยู่ตรงหน้าต่างหันมา นี่จะไปกับเค้าจริงๆเหรอ มรกตพูด เพคะ มณีกาฬ และ แก้วไพฑูรย์พูดเป็นเสียงเดียวกัน มรกตถอนใจแล้วเดินออกไปจากตำหนักนั้น

                    กลางป่านพคุณ มณีกาฬ และ แก้วไพฑูรย์ปรึกษากันอยู่ จะลงไปยังไงเพคะพี่นพคุณ มณีกาฬถามขึ้น เราคงต้องใช้พลังของพระธำมรงค์เปิดทางลงไป นพคุณพูด ดีสิเพคะ งั้นเรารีบไปกันเถอะ แก้วไพฑูรย์พูด จากนั้นทั้งสามพระองค์ก็พากันใช้กมที่แหวนไว้แล้วแหวนก็เปล่งแสงขึ้นจรัสรัศมีเปิดทางไป

                    มันมากันแล้ว ทายาทแห่งมณีนพรัตนานคร ศิลาแลงว่า วิหงค์จันทร์ถูกจับมัดมือมัดเท้าไว้มีท่าทางตกใจ จะตกใจไปทำไม เจ้าอยากพบลูกบุญธรรมของเจ้าไม่ใช่หรือ เจ้าศิลาแลงพูด ไม่... ไม่ใช่แบบนี้ วิหงค์จันทร์น้ำตาคลอ มานี่... เราจะพาเจ้าไปหาลูกรักของเจ้า ศิลาแลงกระชากตัววิหงค์จันทร์ขึ้นมาแล้วเดินไป

                    เสด็จแม่... เสด็จแม่วิหงค์จันทร์พระเจ้าข้า นพคุณตะโกนเรียกพลางเดินหาตามด้วยมณีกาฬ และ แก้วไพฑูรย์ ทั้งสามคนเดินไปเรื่อยๆ นพคุณก็เรียกหาพระมารดาบุญธรรมไม่ขาดปากจนกระทั่งร่างของวิหงค์จันทร์ที่ถูกเชือกรัดข้อมือไขว้หลังจะถูกโยนลงมาตรงหน้า เสด็จแม่... นพคุณรีบเข้ามากอดพระมารดาแน่นพลางหาทางจะปลดเชือก เจ้าศิลาแลงก็เดินมา นั่นไงแก้วไพฑูรย์ เจ้าปีศาจศิลาแลงนั่นหนะ มณีกาฬพูด ในที่สุดพวกเจ้าก็มารนหาที่อีกจนได้... นานแสนนานนับร้อยๆปีที่เรารออยู่ใต้พิภพแห่งนี้ รอที่จะมีใครสักคนหนึ่งพลาดพลั้งตกลงมาในใต้พสุธานี้ จนกระทั่งได้ร่างนี้มา เป็นร่างใหม่ของเรา ตอนนี้เราพร้อมที่จะแก้แค้นเหล่าเชื้อเครือแห่งมณีนพรัตนานครพ้นผ่านเจ็ดชั่วอายุคนดังคำสาปแล้ว หลานเราจะทำลายมณีนพรัตนานครให้แหลกเป็นจุน ศิลาแลงพูด จริงอย่างที่วชิรารัตน์ว่าจริงๆ แก้วไพฑูรย์พูด ศิลาแลงแสยะยิ้ม พลางส่งพลังบางอย่างสู่พระธิดานาคราชน้องทั้งสององค์ ทั้งสองใช้พลังของพระธำมรงค์รับไว้ แล้วพยายามต้านพลังของศิลาแลงให้ถึงที่สุด นพคุณปลดเชือกให้กับวิหงค์จันทรได้สำเร็จแล้ว ลูกแม่... วิหงค์จันทร์หันมากอดลูกชายไว้แน่น เจ้าไม่เคยทำให้แม่ผิดหวังเลย... นพคุณเก้าน้ำ วิหงค์จันทร์พูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ นพคุณลุกขึ้นมาแล้วกำลังจะเข้าไปช่วยพระขนิษฐาทั้งสองที่ติดตามมาด้วย แต่ทั้งสองต้านพลังเจ้าศิลาแลงไม่ไหวล้มลงไปเสียก่อนแต่ก็ไม่ได้เป็นอะไรมากเพราะพระธำมรงค์ได้ช่วยคุ้มกันไว้ นพคุณเดินมาอยู่หน้าทุกคน ประจันหน้ากับศิลาแลง บุรุษและโอรสน้อยต่างจ้องมองกันด้วยแววตาไม่เป็นมิตร เราไม่ได้ต้องการมาต่อสู้กับเจ้าในวันนี้นะศิลาแลง เราจะกลับมณีนพรัตนา ไปเถอะแก้วไพฑูรย์ มณีกาฬ นพคุณพูด ใช่... ยังไม่ถึงเวลาที่เราจะต้องมาต่อสู้กัน แต่จะให้เจ้ากลับไปง่ายๆนั้นก็คงไม่ควรหรอกมั้ง เพราะเจ้ากล้าบุกมาถึงถิ่นของเรานี่ เราเชื่อว่าวิหงค์จันทร์มารดาบุญธรรมของเจ้านั้นคงคิดถึงป่าหิมพานต์มากนักแล้ว เราจะไปส่งให้ถึงที่ก็แล้ว ว่าแล้วเจ้าศิลาแลงก็ใช้พลังอะไรสักอย่างทำให้ทุกคนต่างมองอะไรไม่เป็นมีเพียงฝุ่นละอองดินคละคลุ้งเต็มไปหมดจนลืมหูลืมตาแทบไม่ขึ้น เสด็จแม่... นพคุณพยายามร้องเรียกพลางลืมตาได้อีกครั้งพบว่าตนได้อยู่เหนือพสุธา ในพนาไพรกับพระขนิษฐาจากบาดาลนครทั้งสองพระองค์ผู้ติดตาม พี่นพคุณ... นี่มันในป่านี่เพคะ มณีกาฬพูด เจ้าศิลาแลงพาแม่พี่ไปที่ป่าหิมพานต์เสียแล้ว... โถ่... เสด็จแม่วิหงค์จันทร์ นพคุณพูดอย่างเสียใจ งั้นพวกเราก็คว้าน้ำเหลวแล้วนาสิ แก้วไพฑูรย์เองก็เสียความรู้สึกไม่แพ้กัน

                    เช้าวันหนึ่งที่อสุรเวหานคร พระธิดาน้อยสองพระองค์แห่งอสุรเวหานครนั่งเล่นอยู่ในพระตำหนักอยู่ รดามณี ตอนนี้เจ้ามีศดิศรันย์เป็นองครักษ์แล้วเหรอ วชิรารัตน์พูด รดามณีพยักหน้า เจ้าดูแลตัวเองไม่ได้รึยังไงถึงต้องมีองครักษ์คอยดูแล วชิรารัตน์พูด มันก็ไม่ใช่อย่างนั้นนะวชิรารัตน์ แต่ว่า... รดามณีเองก็พูดไม่ออก ช่างเถอะ มันก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร แต่ที่สำคัญก็คือ เจ้าพบพี่นพคุณรึยัง วชิรารัตน์พูด พบแล้ว รัชทายาทแห่งมณีนพรัตนาใช่ไหม รดามณีว่า ใช่... เสด็จแม่ของเรารักและเอ็นดูพี่เค้ามาก เสมือนว่า เป็นพระโอรสแท้ๆ วชิรารัตน์พูด เราก็รู้สึกเหมือนเจ้า ถ้าจะพูดตรงๆ เราก็บอกได้เลยนะว่าเราอิจฉาพี่นพคุณ และ จันทรัตน์มาก รดามณีพูด ใช่ เจ้าหนะเหมือนเรา เราสองคน เป็นลูกของเสด็จแม่ แต่เสด็จแม่รักเราน้อยกว่าลูกคนอื่น เพราะว่าเสด็จแม่ไม่ได้รักเสด็จพ่อ แต่คนที่เสด็จแม่รักนั้น คือคนที่ชื่อนภราชต่างหาก วชิรารัตน์พูด เราไม่เห็นเข้าใจ ว่าทำไมจึงเป็นเช่นนี้ เสด็จพ่อดีต่อเสด็จแม่มาก รักเสด็จแม่มาก แต่ทำไมเสด็จแม่ถึงไม่รักเสด็จพ่อซะที รดามณีพูด แต่กับคนที่ร้ายด้วยอย่างนภราชนั่น เสด็จแม่กลับรักหนักหนาอย่างไม่มีทางที่จะเปลี่ยนใจ วชิรารัตน์พูด แล้วองค์รติวุฒิก็ยุรยาตรเข้ามา ว่ายังไงลูก สองพี่น้องคู่นี้ คุยอะไรกัน เล่าให้พ่อฟังบ้างได้ไหม รติวุฒิประทับนั่งลงตรงกลางระหว่างพระธิดาน้อยๆทั้งสองพระองค์ วชิรารัตน์จับแขนพระบิดาแน่น เสด็จพ่อเล่าเรื่องของเสด็จพ่อและเสด็จแม่ให้ลูกฟังอีกครั้งได้ไหมเพคะ วชิรารัตน์อ้อนพ่อ ทำไมถึงมาอยากฟังตอนนี้เล่าลูก รติวุฒิว่า ก็ลูกอยากฟังนี่เพคะ... นะเพคะ เสด็จพ่อ เล่าให้ลูก กับ รดามณีฟังนะเพคะ วชิรารัตน์พูด ก็ได้ ลูกมีคำถามอะไร ก็ถามพ่อมาสิลูก รติวุฒิพูด ทำไมเสด็จพ่อถึงไม่ทรงเล่าหละเพคะ รดามณีพูดอย่างสงสัย อย่าให้พ่อต้องเอ่ยเรื่องราวทั้งหมดอีกครั้งเลยลูก รติวุฒิพูด ลูกอยากรู้ ว่าเสด็จแม่ไม่เคยรักเสด็จพ่อ แต่ทำไมเสด็จพ่อถึงต้องรักเสด็จแม่มากมายถึงเพียงนี้ด้วย ลูกไม่เข้าใจ วชิรารัตน์พูด แม่เจ้ามีพระคุณต่อพ่อนะ รดามณี วชิรารัตน์ หากไม่มีแม่เจ้าแล้ว พ่อคงจะตายอยู่ในป่าเมื่อครั้งที่พ่อยังเด็ก รติวุฒิพูด งั้น ถ้าเราช่วยชีวิตใคร คนคนนั้นก็จะรักเราใช่ไหมเพคะเสด็จพ่อ วชิรารัตน์พูด ไม่เห็นจำเป็นจะต้องเป็นอย่างนั้นเลยวชิรารัตน์ รดามณีว่าแล้วเดินออกไป วชิรารัตน์นั้นมองตามรดามณีออกไป ลูกเข้าใจแล้วเพคะ ช่วยชีวิต ก็เหมือนกับการให้ชีวิต เหมือนอย่างที่เสด็จพ่อให้ชีวิตลูก ลูกถึงได้รักเสด็จพ่อนักใช่ไหมเพคะ วชิรารัตน์พูด ก็คล้ายๆกันนั่นแหละลูก แต่ความรักในอีกรูปแบบที่เจ้าจะได้เรียนรู้ในภายหน้านั้น มันช่างน่ากลัวต่างจากความรักของพ่อแม่ ที่มีต่อลูกโดยสิ้นเชิง องค์รติวุฒิรับสั่ง

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×