คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #26 : กบฏพนาวรรษานคร
ที่มณีนพรัตนานคร ที่เรือนท่านขุนวงศา แม่มาลัยกำลังให้ศดิศรันย์กินยาอยู่ “ถ้าศดิศรันย์อยู่แต่ในนี้ รักษาตัวให้หายก็คงไม่ต้องออกไปเจ็บตัวแบบนี้หรอก” รดามณีพูด “แต่เจ้ากล้าหาญมากเลยนะรู้ไหมศดิศรันย์ รดามณี เรายกศดิศรันย์ให้เป็นองครักษ์เจ้าเลยดีไหม” จันทรัตน์พูด “ไม่จำเป็น เรารดามณี ไม่ต้องมีใครคอยดูแลเราหรอก เราดูแลตัวเองได้” รดามณีพูด “หากข้าพระองค์ไม่ออกไปพบเข้า ป่านนี้อาจจะบาดเจ็บสาหัสรักษาพระองค์อยู่ที่ตำหนักพระธิดาสร้อยสายเพชรก็ได้ แล้วยังอาจจะเสียขวัญ อย่างที่พระนัดดาวชิรารัตน์เคยเจอ” ศดิศรันย์พูด “ไม่ต้องมาทวงบุญคุณหรอก ก็เพียงครั้งเดียวเท่านั้นแหละ เรามีฤทธิ์ มีเดช เราไม่ได้เป็นแค่มนุษย์ธรรมดา” รดามณีพูดด้วยน้ำเสียงเรียบราบ ไม่ได้กระแทกหูใคร ต่างกับวชิรารัตน์ผู้เป็นน้องโดยสิ้นเชิง แต่ทั้งสองก็มีส่วนคล้ายกันในนิสัยไม่น้อยเลย “เออ พูดถึงวชิรารัตน์ วชิรารัตน์ไม่ได้มากับเจ้าด้วยเหรอ” จันทรัตน์พูด “ไม่มาหรอก รอเสด็จพ่อหนะ” รดามณีพูด “พวกเจ้ายังดีที่ยังมีพ่ออยู่ แต่เราสิ ไม่มีพ่อ” จันทรัตน์หน้าเศร้าลง “แต่ก็ยังทรงมีเสด็จปู่ เสด็จย่าอยู่ที่ภัทรนครนะพระเจ้าข้า ไม่คิดจะเสด็จไปที่นั่นเลยหรือพระเจ้าข้า” ศิรสิทธิ์พูด จันทรัตน์ถอนใจ “เสด็จพ่อของเราสังหารเสด็จพ่อของเจ้า เราขอโทษ เสด็จพ่อรติวุฒิมิได้ตั้งใจ เจ้าเข้าใจใช่ไหมจันทรัตน์” รดามณีพูด “เรื่องมันนานมาแล้ว เรื่องมันเกิดขึ้นตั้งแต่ตอนที่พวกเรายังไม่รู้ความ เราไม่อยากจำหรอก” จันทรัตน์พูด รดามณียิ้มรับ “เราจะไปเข้าเฝ้าเสด็จแม่ ไปด้วยกันไหม” รดามณีพูด “ดีสิ” จันทรัตน์พยักหน้า พระนัดดาทั้งสองกำลังจะเสด็จออกไป แต่รดามณีก็ยังไม่ลืมที่จะกล่าวคำว่า “ขอบใจนะ” พระนัดดาน้อยรับสั่งแล้วทรงมองไปที่ศดิศรันย์ในแววพระเนตรไม่สามารถทายได้เลยว่ามีความคิดอะไรอยู่ รดามณีปรายตามาที่แม่มาลัย “แม่มาลัย ดูแลองครักษ์ของเราดีๆก็แล้วกัน อย่าให้เป็นอะไรไปหละ แล้วก็อย่าให้ออกไปเจ็บตัวได้อีก ไม่อย่างนั้นเราจะเอาโทษ” รดามณีพูด ด้วยแววพระเนตรเรียกเฉยแต่ยิ้มนิดๆที่มุมปาก “เพคะ” แม่มาลัยรับคำ ก่อนที่รดามณีจะเดินออกไป ศดิศรันย์มองตามเจ้านายคนใหม่ออกไป “อะไรกัน พระนัดดาพระองค์นี้ช่างแปลกนัก เจ้าว่าไหม ศิรสิทธิ์ ดูไม่สดใสเหมือนเด็กทั่วไป ดูเคร่งขรึม แต่ลึกๆแล้วเหมือนจะพระทัยดี อีกทั้งแววตาก็ไม่มีความรู้สึกที่สามารถอ่านออกมาได้” ศดิศรันย์พูด
ที่พระตำหนักองค์เหนือหัว ฤทธิ์นาท และ พระมเหสีกรกนก พระมเหสีกรกนกโอบกอดพระธิดานพมาศที่ร่ำไห้ระหกระเหินหนีตายมา “ลูก และ แก้วไพฑูรย์ กับ มณีกาฬ คงต้องขอพึ่งพระบารมีเสด็จพ่อ เสด็จแม่ด้วยนะเพคะ” นพมาศพูดทั้งน้ำตา “โถ่ ลูกแม่ ไม่ต้องห่วงนะลูก แม่เชื่อว่า หลานมรกตมีบุญญาธิการสูงพอที่จะปลอดภัย” พระมเหสีกรกนกรับสั่ง “เพคะเสด็จแม่ ลูกก็คิดเช่นนี้ ตอนที่มรกตเกิดมา หรได้ทำนายดวงชะตาไว้ ว่าจะต้องพลัดพรากจากบ้านเมืองไประยะเวลาหนึ่ง แล้วจะได้พบกับคู่บุญญาบารมี เจ้าพี่มัศวุฒิมีดำริว่า คู่บุญญาธิการของมรกต อาจจะเป็นครุฑ จึงไม่ยอมเร่งยกทัพไปหมายชิงตัวลูกกลับคืนมา แต่ไม่รู้เป็นอย่างใดถึงไม่กลับมาทั้งพ่อทั้งลูกเช่นนี้ ซ้ำหม่อมฉันยังฝันไม่ดีอีก รุ่งขึ้นก็มีแต่ทหารครุฑเข้ามายึดบาดาลกันวุ่นวาย หม่อมฉันและลูกจึงต้องหนีมาเช่นนี้ไงเพคะ” นพมาศพูด “โถ่” กรกนกพูดด้วยเสียงที่เห็นใจ พระสุณิสาบุษรา พระนัดดาพิมพ์เพทาย และ พระนัดดาปีตมณีเสด็จเข้ามา “นพมาศ... เป็นอย่างไรบ้าง” พระสุณิสาบุษรารับสั่งถาม “พระพี่นาง...” นพมาศน้ำตาไหล บุษราโอบกอดพระขนิษฐาของพระสวามีไว้อย่างปลอบโยนเป็นที่พึ่งให้ “อ้าว นพมาศ พิมพ์เพทาย ปีตมณี แล้ว... กนกนาท กับ กิ่งโกมินทร์เล่า ไปที่ใด” องค์เหนือหัวฤทธิ์นาทรับสั่ง “เสด็จกลับบ้านกลับเมืองพนาวรรษาไปแล้วเพคะ เห็นว่ากลับไปปราบกบฏ” บุษราตอบด้วยสีหน้าไม่ค่อยรุ่นรมย์เลย “ตายจริง แล้วปล่อยให้กิ่งโกมินทร์กลับไปด้วยได้ยังไง กิ่งโกมินทร์ยังเด็กนัก บ้านเมืองเกิดการกบฏขึ้นเช่นนี้ อันตรายนัก” กรกนกพูด “นั่นสิเพคะ หม่อมฉันก็เป็นห่วง แต่กิ่งโกมินทร์นั่นใช่กลัวเสียที่ไหน เห็นบ่นอยากกลับบ้านกลับเมืองตั้งนานแล้ว หม่อมฉันเห็นจะห้ามก็คงไม่เป็นผลจึงปล่อยเพคะ” บุษราพูด “แล้วกนกนาทหละ กนกนาททำไมถึงยอมง่ายๆเช่นนั้น” องค์เหนือหัวฤทธิ์นาทรับสั่ง “ใช่ว่าเสด็จพ่อจะไม่ห่วงพระพี่นางนะเพคะเสด็จปู่ แต่พระพี่นางนาสิ ทรงหว่านล้อม อ้อนวอนทูลขอจนทรงยอม พระพี่นางทรงรับสั่งว่า เบื่อฟังนิทานหลอกเด็ก ที่น้องวชิรารัตน์ชอบพูดถึงหนะเพคะ” พิมพ์เพทายพูด “กิ่งโกมินทร์เจริญวัย มีความคิดที่เป็นผู้ใหญ่ จึงคิดว่าเรื่องพวกนั้นไม่ใช่เรื่องจริง” กรกนกพูด “แต่หลานเชื่อนะเพคะ” มณีกาฬ และ แก้วไพฑูรย์พูดพร้อมกัน
ที่นคราหนึ่ง เกิดสงครามเล็กๆภายในขึ้นจากการก่อการกบฏของคนในเวียงวังที่โลภมากนั่นเอง ทหารเมืองเดียวกัน ต้องมาพิคาดฟาดฟันกันราวอริศัตรู ในพระตำหนักหนึ่ง “กิ่งโกมินทร์ พ่อจะยอมเจ้าต่อไปไม่ได้แล้วนะ อันตรายเข้าใกล้ตัวเจ้ามาทุกทีแล้ว พ่อต้องส่งเจ้าไปที่มณีนพรัตนา ไปอยู่กับเสด็จปู่ เสด็จย่า และเสด็จแม่ของเจ้า รวมทั้งบรรดาญาติวงศ์พงศาของเรา ไปเถอะนะลูก พ่อจะให้ทหารที่เก่งที่สุดพาเจ้าไป” กนกนาทพูด “ลูกกลับมาแล้ว ลูกไม่ไปที่ไหนอีกนะเพคะเสด็จพ่อ ลูกอยู่ที่นี่ สัญญาว่าจะไม่ทำตัวให้เป็นภาระ” กิ่งโกมินทร์พยายามเว้าวอน “กิ่งโกมินทร์ ชีวิตลูกสำคัญกับพ่อมากนะ เจ้าต้องรีบไป ไม่พ้นคืนนี้ ศัตรูก็คงเข้ามาถึงตำหนักนี้ได้” กนกนาทพูด “ไม่นะเพคะเสด็จพ่อลูกพึ่งกลับมาถึงไม่นาน จะให้ลูกจากบ้านจากเมืองไปอีก ยิ่งต้องทิ้งเสด็จพ่อให้อยู่ในอันตราย ยิ่งไม่ได้ นอกจากว่าเราจะไปด้วยกันนะเพคะ งั้นลูก... ก็จะไม่ไป” กิ่งโกมินทร์พูด กนกนาทลังเล “พ่อไม่มีเวลาคุยกับเจ้านานนะกิ่งโกมินทร์ พ่อต้องรีบไปบัญชาการศึกข้างนอก พ่อจากคนให้พาเจ้าไปอยู่หน้าตำหนัก เรื่องของเจ้าก็แล้วกัน” กนกนาทพูดแล้วเดินออกไป “เสด็จพ่อ...” กิ่งโกมินทร์เรียกตามด้วยความเป็นห่วง
ค่ำลงทุกทีแล้ว เสียงคมดาบกระทบกันยิ่งใกล้หูเข้ามาทุกที กิ่งโกมินทร์นั่งปิดหูอยู่ในตำหนัก ท่าทางรุ่มร้อน กังวล และหวั่นเกรงหนักหนา ราชธิดาตัดสินใจมาดูที่หน้าต่างเห็นคนฆ่าฟันกันอยู่ไม่ไกลตัวแล้วก็นึกเป็นห่วงพระบิดาขึ้นมา “เสด็จพ่อ...” กิ่งโกมินทร์ฉุกคิดขึ้นในใจ
ความคิดเห็น