ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ความรู้สึกที่แท้จริง [ Real Feeling ]

    ลำดับตอนที่ #1 : (Start)\"จุดเริ่มต้น\"

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 209
      0
      6 ม.ค. 48

    “ความรู้สึกที่แท้จริง” (Real feeling)

    Section 1  “ จุดเริ่มต้น “ ( Start )

    By Fairy

    บ่ายวันอาทิตย์ที่จอแจในย่านใจกลางเมืองลอนดอน  เฮอร์ไมโอนี่เดินเอื่อยๆอย่างสบายอารมณ์อยู่ภายในกลุ่มคนที่เดินสวนกับไปมาอย่างรีบเร่ง  แต่แล้วสายตาของเธอได้ไปสะดุดหยุดอยู่ที่ของสิ่งหนึ่งในตู้โชว์  เธอจึงเดินเข้าไปดูใกล้ๆ  แสงสะท้อนจากพลอยสีฟ้าอ่อนรูปเกล็ดหิมะบนตัวสร้อยทำด้วยเงินเส้นบางสะท้อนเข้าตาเธอทำให้เธอรู้สึกเหมือนตกอยู่ในภวังค์….

    “…สวยจังเลย…แต่ราคาคงจะแพงน่าดู  สงสัยคงได้แค่มองอย่างเดียวล่ะมั้ง ”เฮอร์ไมโอนี่รำพันกับตัวเอง  แต่ในขณะที่เธอกำลังชื่นชมกับความงดงามของสร้อยเส้นนั้นอยู่นั่นเอง  ก็เกิดเหตุการณ์หนึ่งซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องทั้งหมดขึ้น…………….

    !!! พลั๊ก!!! มีใครซักคนวิ่งเข้ามาชนเธอเต็มแรงจึงเป็นผลให้ล้มลงไปนอนกองอยู่กับพื้นทั้งคู่  เฮอร์ไมโอนี่รีบลุกขึ้นด้วยอารมณ์โกรธและหันไปต่อว่าคนที่มาชนเธอ” นี่!!..ทีหลังจะวิ่งน่ะนะ รู้……”  แต่คนที่วิ่งมาชนเธอยังคงนอนกองอยู่กับพื้นไม่ขยับเขยื้อน  เธอสังเกตเห็นว่าเขายังมีบาดแผลอื่นๆอีกไม่น้อยอยู่ตามร่างกาย

    “ นี่เธอ…เป็นอะไรมากรึเปล่า ” เฮอร์ไมโอนี่ถามด้วยความเป็นห่วงพร้อมกับพยุงคนคนนั้นให้ลุกขึ้น “ ดูสิ  ทำไมแผลเต็มตัวอย่างนี้หล่ะ เดินไหวรึเปล่า ”….เอ…แต่ฉันว่าหน้าตาเธอคุ้นๆนะ เฮอร์ไมโอนี่พูดพร้อมกับพยายามนึกว่าเคยเห็นที่ไหนมาก่อน … ภายใต้รอยช้ำปูดโปนนั้นมันเป็นใบหน้าที่เธอรู้สึกคุ้นเคยแต่ก็คละเคล้าไปด้วยความห่างเหินอยู่ในที  และ…และแววตาเช่นนี้…ใช่แล้ว!! เธอรู้จักเขา “มัลฟอย!! เดรกโก มัลฟอย” เฮอร์ไมโอนี่ร้องออกมาอย่างลืมตัว

    “อ้าวคุณรู้จักผมด้วยเหรอ??  คุณเป็นใครน่ะ” มัลฟอยถามด้วยน้ำเสียงอู้อี้  

    “ท่าทางเขาจะมองไม่เห็น ก็ดูสิตาแทบจะปิดอยู่มะรอมมะร่อแล้ว”เฮอร์ไมโอนี่คิด

    “แล้วนี่เธอไปโดนอะไรมาล่ะเนี่ย”เฮอร์ไมโอนี่ไม่สนใจคำถามของมัลฟอย

    มัลฟอยจึงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่แสดงถึงความโมโห“มีพวกอันธพาลกลุ่มนึงตรงซอกตึกด้านโน้น มันมาขอเงินฉันแล้วฉันไม่ให้มันเลยรุมยำฉันซะจนเป็นอย่างนี้นี่แหละ…โธ่  ตั้ง10รุม1  แน่จริงตัวต่อตัวสิ ไอ้พวกมักเกิ้ลงี่เง่า… ”เมื่อถึงตอนท้าย ท่าทางเขาจะโมโหมาก จนหน้าซีดหนักกว่าเดิมและทำท่าจะล้มลงไปอีกรอบ

    “ชักไม่ได้การซะแล้วสิ ” เฮอร์ไมโอนี่คิด ดูท่าทางมัลฟอยจะอาการไม่ดี  ขืนปล่อยทิ้งไว้ตรงนี้ต้องแย่แน่ๆ…แต่ก็เอาเถอะ ถึงยังไงก็เป็นคนเคยรู้จักกัน   ดังนั้นเฮอร์ไมโอนี่จึงจัดแจงพามัลฟอยที่มีท่าทางสลึมสลือเหมือนคนเมาไปยังบ้านของตน

        ณ บ้านเกรนเจอร์  เฮอร์ไมโอนี่ลากมัลฟอยลงจากรถแท็กซี่เข้าบ้านอย่างยากลำบาก

    “เอาล่ะ เธอนั่งตรงนี้นะเดี๋ยวฉันจะไปเอาผ้าชุบน้ำมาเช็ดหน้าให้ อย่างน้อยมันก็น่าจะทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นบ้าง” เฮอร์ไมโอนี่พูดพร้อมกับลากมัลฟอยมาที่เก้าอี้ตัวหนึ่งแล้วจึงเดินเข้าไปในครัว  สักครู่ก็กลับออกมาพร้อมกับอ่างใส่น้ำ ปรากฏว่ามัลฟอยหลับไปแล้ว เธอจึงเข้าไปนั่งลงข้างเขา ขณะที่เธอกำลังเอาผ้าขนหนูจุ่มน้ำอยู่นั่นเอง  เธอก็ได้ยินเสียงของมัลฟอยเพ้อออกมา “…ทำไม…ทำไม…เกรนเจอร์…ทำไมต้องเป็น…พอตเตอร์ด้วย…ฉันคิดถึงเธอ… ”  สิ่งที่เธอได้ยินมันทำให้เธอชะงักมือไปนิดนึงแต่ซักพักก็ตั้งสติได้

    “ทำไมน้า…มัลฟอย…พวกนั้นมีกันตั้งหลายคนทำไมไม่ให้เงินเขาไปซะดีๆล่ะ..ดูสิสภาพตอนนี้น่ะดูได้ที่ไหน”เฮอร์ไมโอนี่บ่นพลางใช้ผ้าขนหนูเช็ดเลือดออกจากหน้าของมัลฟอย

    “ไม่มีทาง พวกเลือดบริสุทธิ์อย่างฉันที่มีวันที่จะให้ไอ้พวกมักเกิ้ลงี่เง่ามาหยามง่ายๆหรอก”มัลฟอยรู้สึกตัวตื่นขึ้นเมื่อมีบางสิ่งเย็นๆมาสัมผัสใบหน้าของเขา “เอ๊ะ!! แต่ผมยังไม่รู้เลยว่าคุณชื่ออะไร? แต่คุณอยู่รร.เดียวกับผมใช่มั้ย ถึงได้รู้จักชื่อของผม ”

    “ แย่ล่ะสิ” เฮอร์ไมโอนี่คิด “ ขืนเขารู้ว่าฉันเป็นใครได้โวยวายกันจนบ้านแตกแน่ ดูท่าทางเขายังคงจะมองไม่เห็น หลอกเขาก่อนแล้วค่อยเอาไปส่งบ้านดีกว่า ”

    “ ใช่แล้วล่ะ ฉันเป็นนักเรียน รร.ฮอกวอกต์  ปี5 เหมือนคุณนั่นแหละ ” เธอตอบด้วยความระมักระวัง

    “ ผมอยู่บ่านสลิธีลิน  แล้วคุณล่ะ”

    “ ฉันอยู่บ้านกริฟฟินดอร์  บ้านเดียวกับแฮรี่ พอตเตอร์ไง “ เฮอร์ไมโอนี่จงใจพูดถึงแฮรี่เพราะนึกสนุกต้องการ

    ยั่วโมโหมัลฟอย

    ปรากฏว่าได้ผลเกินคาดมันทำให้เธอได้รับรู้อะไรบางอย่างนอกจากความโกรธของมัลฟอย

    “อ๋องั้นเหรอ  ดังจริงนะหมอนี่” มัลฟอยตอบด้วยน้ำเสียงที่ไม่สู้สบอารมณ์นัก

    “ทำไมล่ะ…ฉันก็ได้ยินมาเหมือนกันว่าเธอกับเขาก็ไม่ค่อยถูกกัน”

    มัลฟอยมีสีหน้าครุ่นคิดอยู่ซักพักแล้วจึงตอบว่า” อืม…ไม่รู้สิ ความรู้สึกจริงๆของฉันนั้นน่ะไม่ได้เกลียดหมอนั่นมากมายอะไรนักหรอก แต่ที่ทำให้ฉันหงุดหงิดทุกที มันอยู่ที่เกรนเจอร์ต่างหาก”

    เมื่อเห็นว่าตนถูกพาดพิงเธอจึงรีบเถียง”เอ๊ะ!…ทำไมเหรอ ฉันเอ๊ยเกรนเจอร์เขาไปทำอะไรให้เธอไม่พอใจหรือไง  ฉันก็เห็นเขาไม่ได้ทำอะไรเธอเลยนะ ก็มีแต่เธอนี่แหละที่คอยแต่จะหาเรื่องเขา  ด่าว่าเขาสารพัด โดยเฉพาะเรื่องเลือดสีโคลนอะไรนั้นน่ะ เลิกซะที” เฮอร์ไมโอนี่ใส่อย่างเป็นชุดอย่างลืมตัว  แต่แล้วเธอก็นึกได้จึงหันไปมองมัลฟอยอย่างหวาดๆ

    แต่ทว่าท่าทางมัลฟอยจะไม่ได้จะไม่ได้ยินคำพูดเหล่านี้เลยแม้แต่น้อยดูเหมือนว่าเขากำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่…… เงียบไปซักพัก มัลฟอยก็กล่าวคำที่ทำให้เฮอร์ไมโอนี่คิดว่าจะไม่มีวันได้ยินออกมาจากปากของเขาแล้วในชาตินี้ “อืม…ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันนะว่าทำไมพอฉันเห็นยายเกรนเจอร์อยู่กับไอ้พอตเตอร์ทีไร  ฉันอยากจะจับมันมาหักคอทุกทีเลยเชียว ก็เพราะอย่างนั้นแหละ  ตอนนี้ฉันคิดว่านะเกรนเจอร์จะต้องเกลียดฉันมากเลยแน่ๆ ก็ฉันทำกับพวกเขาไว้มาก  แต่จะมีใครรู้บ้างมั้ยว่าทั้งหมดที่ฉันทำไปก็แค่เพียงเพราะความอิจฉาและอยากให้เขา

    หันมาสนใจฉันบ้างก็เท่านั้นเอง…ฉันนี่ชักจะพูดมากไปแล้ว ขอโทษนะที่ต้องให้มานั่งฟังเรื่องไร้สาระ… ”มัลฟอย กล่าวอย่างเศร้าสร้อย  และนิ่งเงียบไป

    เฮอร์ไมโอนี่เข้าใจแทบจะทันทีว่า  ความรู้สึกของมัลฟอยที่มีต่อเธอนั้น..มันคืออะไร..แต่ทำไมนะ สำหรับคนที่แทบจะเรียกได้ว่าเป็นศัตรูกัน  เมื่อได้มาฟังคำพูดเหล่านี้  มันทำให้เธอมีความรู้สึก…อบอุ่นใจอย่างประหลาด…เอ๊ะ!มันจะใช่รึเปล่านะ? ถึงตอนนี้เธอชักจะกลัวใจตัวเองซะแล้วว่า ความรู้สึกของเธอที่มีต่อเขาจะเป็นความรู้สึกแบบเดียวกับที่เขามีต่อเธอรึเปล่า……



    !!!..กริ๊ง….กริ๊ง…!!! เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นปลุกให้เฮอร์ไมโอนี่ตื่นขึ้นจากภวังค์  เธอจึงเดินไปรับโทรศัพท์  “ ค่ะ..ค่ะ..ทราบแล้วค่ะ ” หลังจากวางหู เธอเดินมาหามัลฟอย “สงสัยว่าฉันคงต้องไปส่งเธอที่บ้านเองซะแล้วล่ะ วันนี้พ่อกับแม่ฉันคงกลับมาจากต่างเมืองไม่ทันแน่”  

    มัลฟอยเอามือลูบตาที่ปูดโปนของตน “ขอโทษนะถ้าฉันไม่ถูกชกเข้าที่ตาจนเป็นอย่างนี้คงจะไม่ต้องรบกวนเธอหรอก ”  

    “ไม่เป็นไรหรอกน่าเรื่องแค่นี้เอง..เธอรอเดี๋ยวนะฉันจะไปเรียกรถแท็กซี่ ” เฮอร์ไมโอนี่พูดจบก็เดินออกไปจากห้องเพื่อเรียกรถ

    ภายในเวลาไม่นานนักทั้งคู่ก็นั่งอยู่ในรถแท็กซี่  “ไปที่ถนน….ครับ” มัลฟอยพูดเสียงอู้อี้กับคนขับ  การเดินทางเป็นไปอย่างเงียบเชียบไม่มีใครพูดจาอะไรซักคำจนกระทั่งรถมาจอดที่หน้าคฤหาสน์หลังใหญ่หลังหนึ่ง  มัลฟอยยื่นเงินค่าโดยสารให้คนขับ “นี่ก็เป็นข้อดีของการที่ไม่ให้เงินไปกับพวกนั้นง่ายๆ  อย่างน้อยก็ยังมีค่ารถกลับบ้านล่ะ ” มัลฟอยพูดยิ้มๆกับเฮอร์ไมโอนี่พร้อมกับเปิดประตูรั้วให้ “เข้ามาสิ”มัลฟอยร้องเรียกเมื่อรู้สึกว่าเฮอร์ไมโอนี่ยังยืนอยู่หน้าบ้าน  

    ….ก้าวแรกที่เธอก้าวเข้าไปนั้น เธอถึงกับตะลึง  ความคิดเดิมที่เธอจินตนาการมาล่วงหน้าล้วนผิดหมด  เธอเคยคิดว่าบ้านของมัลฟยคงเหมือนคฤหาสน์ผีสิงเก่าๆ มีหนองน้ำเน่าๆเอาไว้เลี้ยงสัตว์ประหลาดอยู่ข้างๆบ้าน เหมือนในหนัง….

    ….แต่สิ่งที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าเธอนั้นเป็นคฤหาสน์สีทรายสว่างไสวนุ่มนวลตา  เหมือนปราสาทของเจ้าชายในเทพนิยาย โอบล้อมไปด้วยพรรณไม้สีสันสดใส  ส่งกลิ่นหอมละมุนที่กล้าวไกลไปจนสุดลูกหูลูกตา  ที่ข้างคฤหาสน์มีบึงน้ำใสกลว้างใหญ่  ภายในบึงเต็มไปด้วยดอกบัวหลากสีชูช่ออวดความสวยสดงดงามของตน เพื่อเรียกให้เหล่าผีเสื้อที่มีอยู่มากมายในบริเวณนั้นเข้ามาดื่มน้ำหวานของตน  และเธอยังสังเกตเห็นว่าใต้สะพานไม้โค้งสีขาวที่ทอดตัวอยู่ระหว่างฝั่งทั้งสองของบึงนั้นมีเรือลำเล็กๆจอดอยู่ แล้วก็ยังมี…….

    ….” นี่เธอ!! ” มัลฟอยส่งเสียงเรียก “เข้ามาข้างในสิ” เขาพูดพลางเอามือคลำหาลูกบิดประตู  เมื่อเจอแล้วเขาก็เปิดประตูคฤหาสน์บานยักษ์ที่ดูท่าทางจะหนักมากให้เธอ

    ..เอี๊ยด!!!….เสียงสะท้อนเนื่องจากความฝืดของประตูบานสูง สะท้อนก้องภายในห้องโถงใหญ่ที่ปูพรมสีแดงสดดูหนานุ่มไปจนจรดเชิงบันไดวนสีทองอร่าม   มัลฟอยเดินโซเซนำเธอไปยังห้องห้องหนึ่งที่เธอเข้าใจว่าเป็นห้องรับแขก “ เธอนั่งรอตรงนี้ก่อนนะ  เดี๋ยวฉันมา”  มัลฟอยก้มหัวพร้อมกับผายมือไปที่ชุดเก้าอี้แกะสลักที่วางอยู่หน้าเตาผิงที่ไม่ได้จุดไฟ..( เพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจว่าทำไมไม่จุดไฟที่เตาผิง เหตุผลก็คือ เหตุการณ์นี้เกิดในฤดูร้อง ..ไม่เชื่อลองกลับไปอ่านใหม่ตั้งแต่ต้นดูสิ ) ..ก่อนจะเปิดประตูเดินออกไป

    …เฮอร์ไมโอนี่นั่งลงที่เก้าอี้ตัวหนึ่งพร้อมกับคิดว่า “นึกไม่ถึงเลยจริงๆว่า บ้านมัลฟอยจะเป็นอย่างนี้….รวมทั้ง…รวมทั้งตัวเขาด้วย”

    เฮอร์ไมโอนี่มแทบไม่อยากเชื่อเลยว่ามัลฟอยคนนี้กับมัลฟอยคนที่อยู่ในฮอกวอต์จะเป็นคนคนเดียวกัน  มัลฟอยคนนั้นดูเป็นคนเลือดเย็น ป่าเถื่อน โหดร้าย  แต่คนนี้เมื่อยามเธอได้อยู่ใกล้กลับรู้สึกว่าเขา...อบอุ่น…อ่อนโยน เหลือเกิน…. ในระหว่างที่เธอกำลังนั่งคิดเพลินๆอยู่นั้น เธอก็ได้ยินเสียงผู้หญิงอุทานซะดังลั่น

    “ตายแล้ว!!เดรโก นี่ลูกไปทำอะไรมา ถึงได้เป็นอย่างนี!!!” นี่คงจะเป็นแม่ของมัลฟอยแน่ๆเฮอร์ไมโอนี่คิด



    เธอได้ยินเสียงมัลฟอยพึมพำตอบอะไรเบาๆอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะเป็นเสียงนางมัลฟอยร่ายคาถาอะไรบางอย่างอยู่แว่วๆ

    สิ้นเสียงของการร่ายคาถาเฮอร์ไมโอนี่ก็รู้สึกว่ามีเสียงฝีเท้ากำลังเดินตรงมาทางนี้  ประตูห้องเปิดออก  นางมัลฟอยเดินตรงมาที่เฮอร์ไมโอนี่ พร้อมกับรอยยิ้ม “ ขอบใจหนูมากเลยนะจ๊ะที่ช่วยพาลูกชายฉันมาส่งที่บ้าน  เนี่ยถ้าไม้ได้หนูก็ไม่รู้ว่าตอนนี้เขาจะเป็นยังไง…มานี่สิเดรโกมาขอบคุณมแหนูคนนี้ซะสิ…เอ่อ..คุยกันไปพลางๆก่อนนะจ๊ะเดี๋ยวฉันขอตัวไปดูก่อนว่าพวกเอลฟ์ตั้งโต๊ะเสร็จรึยัง..เอ๊ะ..ลูกคนนี้มันเป็นยังไงกันเข้ามานี่สิ…เอ้อ..เกือบลืมไปเดี๋ยวเชิญหนูทานอาหารเย็นด้วยกันเลยนะจ๊ะ.. ” นางมัลฟอยพูดติดกันเร็วปรื๋อก่อนที่จะผลักมัลฟอยซึ่งยืนแอบอยู่ตรงขอบประตูเข้ามาในห้อง ก่อนจะปิดประตูตามหลังดังปัง!!

    “เอ่อ..ผมขอ..ขอ…ขอบ..ขอบ..คุณมากนะครับ…เอ่อ…ที่ช่วยผม..วะ..ไว้..” มัลฟอยเกิดติดอ่างขึ้นมากระทันหัน ตาก็ก้มมองพื้น

    ไม่ยอมมองหน้าผู้ฟัง  “ ละ…แล้ว..ถ้าจะให้ดีผมขอร้องว่า…เอ่อ…อย่าเอาเรื่องที่ผมพูดไปในวันนี้ไปเล่าให้…ให้…  ”  

    “ อย่าเอาเรื่องนี้ไปเล่าให้เกรนเจอร์ฟังใช่มั้ย มัลฟอย ” เฮอร์ไมโอนี่พูดต่อให้จนจบ

    “ใช่..ใช่ครับ”  “ แต่เสียใจด้วยนะมัลฟอย….เพราะว่าฉันรู้แล้ว..”  มัลฟอยตกใจรีบเงยหน้าขึ้นจนคอแทบหักทันที

    มัลฟอยซึ่งในขณะนี้แผลปูดโปนบนดวงตา รอยฟกช้ำตามร่างกายได้ถูกแม่ของเขาใช้เวทมนตร์รักษาจนหายเป็นปกติแล้ว  เขาสามารถเเห็นได้อย่างชัดเจนว่า…เธอคนที่ได้ช่วยเขาไว้…เธอคนที่เขาเผลอเล่าความรู้สึกของเขาให้ฟังเพราะควบคุมสติไม่ได้…และเธอคนที่เขามีความรู้สึกพิเศษบางอย่างให้…เธอมายืนอยู่ตรงหน้าเข้าแล้ว

    “ กะ..เกรนเจอร์ ” มัลฟอยพูดออกมาอย่างยากเย็นในขณะที่หน้าได้เปลี่ยนเป็นสีแดง   “ เธอ!…เธอ!…ยายเลือดสีโคลน!!!..มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง ” มัลฟอยตะโกนถามทั้งๆที่หน้าแดงจัด  เฮอร์ไมโอนี่ขยับตัวเดินเข้าไปชิดเขามากกว่าเดิมซึ่งบัดนี้ตัวเหมือนติดแข็งอยู่กับพื้นห้อง “  ฉันบอกเธอแล้วใช่ไหม ว่าให้เลิกซะทีไอ้คำว่า เลือดสีโคลนนี้น่ะ มันไม่ดีเลยนะมัลฟอย ”  ก่อนที่มัลฟอยจะพูดอะไรก็มีเสียงฝีเท้าเล็กๆวิ่งมาตามทางเดิน  เฮอร์ไมโอนี่จึงรีบถอยห่างออกจากมัลฟอย  เสียงฝีเท้ามาหยุดลงตรงหน้าห้องที่ทั้งสองอยู่

    “ คุณชายครับ นายหญิงให้มาเรียนว่าอาหารพร้อมแล้วครับและขอเชิญคุณหนูด้วยนะครับ ”

    “ ขอบใจมากเอลฟ์ ฉันจะไปเดี๋ยวนี้แหละ ” มัลฟอยพยายามควบคุมเสียงให้เป็นปกติ

    หลังจากเอลฟ์ตัวนั้นจากไปแล้ว  มัลฟอยจึงเดินไปที่บานประตูแล้วจับประตูให้เปิดค้างเอาไว้เป็นทำนองว่าให้เฮอร์ไมโอนี่เดินออกไปก่อน….หลังจากเฮอร์ไมโอนี่เดินออกมาแล้วจึงเห็นได้ว่าบ้านมัลฟอยมีห้องหับมากมายจนไม่รู้ว่าที่ไหนเป็นที่ไหนเธอจึงหยุดยืนอยู่  มัลฟอยปิดประตูแล้วเดินตามหลังมา “ !! อ้าว..เดินไปสิมายืนอยู่ทำไม!! ” มัลฟอยตะโกนถามเสียงดังโดยที่ไม่ยอมสบตาเธอ

    เฮอร์ไมโอนี่หันขวับกลับมา พร้อมพูดดด้วยเสียงที่ดังไม่แพ้กัน “ ทำไมต้องตะโกนใส่ฉันด้วยล่ะ  เธอนี่มันยังไงกันนะ…แล้วฉันจะไปรู้ได้ไงล่ะว่าห้องนั้นมันอยู่ไหนกัน ”  มัลฟอยพยักหน้าเป็นเชิงว่าเข้าใจแล้วเพราะหลังจากนั้นเขาก็เดินนำหน้าเธอมาที่ห้องอาหาร…



                                

    อาหารอร่อยมาก นางมัลฟอยก็ชวนคุยอย่างสนุกสนาน ( เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกโล่งใจที่วันนี้นายลูเซีย มัลฟอย ไม่อยู่บ้าน ซึ่งถ้าเขาอยู่ก็คงจะสนุกไม่ออกแน่ๆ )

    มีเพียงแต่มัลฟอยเท่านั้นที่เอาแต่ก้มหน้าก้มตากินอย่างเดียวไม่ยอมพูดกับใครแม้แต่กับแม่ของตัวเอง   มีอยู่ช่วงหนึ่งนางมัลฟอยคุยฟุ้งถึงเรื่องสวนหน้าบ้านของตนโดยคุยว่าเคยได้แชมป์จัดสวนจากนิตยสาร “สวนของฉัน” มาแล้ว3 สมัยซ้อน และยังชักชวนให้เฮอร์ไมโอนี่ไปพายเรือเล่นที่บึงบ้างก็ได้

    …เมื่อรับประทานอาหารเย็นเสร็จเรียบร้อยนางมัลฟอยก็กล่าวขึ้นว่า “ เอาล่ะ เดรโก  ลูกพาเพื่อนไปพายเรือเล่นในบึงซีจ๊ะตอนนี้ดอกบัวกำลังบานสวยเชียว ”

    มัลฟอยหน้าแดงขึ้นมาอีกรอบ” ผม…ผมว่า..แม่พาไปเองดีกว่า..คือว่า..ผมต้องรีบกลับห้องไป…ไป..!!ไปเล็มปลายไม้กวาด!! ”  เฮอรไมโอนี่พยายามกลั้นหัวเราะกับข้ออ้างมั่วๆของเข “ ไม่เป็นไรค่ะ  หนูไปเคนเดียวก็ได้ อย่ารบกวนเวลาเล็มปลายไม้กวาดของเขาเลยค่ะ ” พอถึงตอนท้ายประโยคเธอแทบจะกล้นหัวเราะไว้ไม่อยู่   แต่นางมัลฟอยไม่ยอม  “ เดรโก ”เธอเรียกมัลฟอยเสียงเขียว  มัลฟอยจึงยอมไป“ ก็ได้ ไปก็ได้ ” ดูเหมือนเขาจะบ่นแต่น้ำเสียงกลลับแฝงไปด้วยความยินดีพิกล เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกได้…

    …หลังจากช่วยให้เฮอร์ไมโอนี่ลงเรือเรียบร้อยแล้ว  เขาก็ก้าวลงมานั่งที่ตรงกันข้ามกับเธอ  ทันทีที่มัลฟอยแกะเชือกล่ามเรือเสร็จ  เรือก็ลอยไปเองโดยไม่ต้องอาศัยแรงคนพาย  เรือลอยตัดผ่านกลางบึงไปเรื่อยๆ  รอบข้างเงียบสงัดมีเพียงเสียงเรือแหวกน้ำดังอยู่เบาๆ…เป็นจังหวะคลื่นกระเพื่อมออกจากตัวเรือเป็นระรอกน้อยๆทำให้เงาของดวงจันทร์ที่สะท้องอยู่ดูบิดเบี้ยงไม่เป็นรูปทรง   จนกระทั้งเรือวกกลับมาลอดใต้สะพานสีขาวอีกครั้งหนึ่ง

    เฮอร์ไมโอนี่เป็นฝ่ายทำลายความเงียบขึ้นก่อน “ …มัลฟอย… ”เธอเรียก “ ความจริงแล้วนะ  ฉันไม่เคยนึกเกลียดอะไรเธอเลยนะ ”

    “ อ้อ..งั้นเหรอ ”มัลฟอยตอบด้วยน้ำเสียงแกนๆแบบขอไปที แล้วก้มลงไปผูกเชือกรองเท้า  เฮอร์ไมโอนี่แอบเห็นว่าความจริงแล้วเขาแอบก้มลงไปยิ้ม

    แต่พอเขารู้ตัวว่าเธอมองอยู่ก็รีบปั้นสีหน้าเป็นบึ้งตึงทันที  หลังจากที่เรือเข้ามาจอดเทียบท่าเรียบร้อยแล้ว  เฮอร์ไมโอนี่ก็เดินนำขึ้นไปบนสะพาน

    “ ฉันคิดว่าเราควรกลับเข้าบ้านได้แล้วนะฝนทำท่าจะตก ” มัลฟอยที่เดินตามมาพูด  แต่เฮอร์ไมโอนี่ยังไม่ขยับไปไหนฌะอรอจนมัลฟอยเดินเข้ามาใกล้แล้วจึงพูดสิ่งที่ค้างคาอยู่ในใจออกมา “ ..มัลฟอย..ถึงแม้เธอจะชอบแกล้งฉันและแฮรี่..อ้อ..แล้วก็รอนด้วย  แต่ฉันก็ไม่เคยนึกโกรธเธอจริงๆซักครั้งเลยนะ…เอ่อ..ฉักก็แค่อยากบอกเธอว่า…ไม่ว่าจะเป็นยังไงคนเราก็ยังมีโอกาสเริ่มต้นใหม่ได้อยู่เสมอนะ ” ทันทีที่เธอพูดจบฝนก็เทลงมา  ทั้งคู่จึงรีบวิ่งเข้าไปในบ้าน….

    หลังจากที่จัดการให้ตัวแห้งเรียบร้อยแล้ว  นางมัลฟอยก็ให้คนขับรถขับรถไปส่งเฮอร์ไมโอนี่ที่บ้าน  โดยมีมัลฟอยที่ทำท่าเหมือนอยากจะพูดอะไรยืนส่งที่หน้าบ้านจนลับตาไป…..



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×